{LSK-FICTION} Kiss me darling (เทอร์มิส x ครีอุส)

{LSK-FICTION} Kiss me darling (เทอร์มิส x ครีอุส)

Title : Kiss me darling!~
Couple : เทอร์มิส x ครีอุส , ไอซอท x เฮฟเฟตัส
Rate : PG13


jhuhy8

 

หลายวันมานี้ข้าจำเป็นต้องออกไปจัดการกับอมนุษย์บ่อยเสียเหลือเกิน จู่ๆมีอมนุษย์มาเผ่นผ่านในเมืองลีฟบัดได้ยังไง มันไม่รู้บ้างเลยเหรอว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่มีเทพอัศวินทั้งสิบสององค์อาศัยอยู่เชียวนะ! มันจะมากเกินไปแล้วที่เล่นโผล่มาไม่เว้นวันแบบนี้ มันทำให้ข้าต้องเสียพลังงานโดยใช่เหตุนะ! แถมฤดูนี้ยังไม่ใช่ฤดูของบลูเบอรี่และสตรอเบอรี่อีกต่างหาก มันทำให้ไอซอทไม่มีวัตถุดิบหลักในการทำขนมให้ข้า! แถมบลูเบอรี่และสตรอเบอรี่ยังเป็นรสชาติที่ข้าโปรดปรานมากที่สุดอีกต่างหาก เจ้าอมนุษย์ตัวเหม็นเขียวเอ๊ย!!! เอ็งไม่ตายดีแน่!!! (?)

หลังจากกลับมาจากการซัดเจ้าอมนุษย์ ข้าก็เหน็ดเหนื่อยสุดกำลัง ตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังห้องของไอซอทเพื่อมาเอาขนมพายรสนม รสใหม่ของไอซอทที่เจ้าตัวเพิ่งแนะนำให้ข้าลองกิน เพราะว่าบลูเบอรี่และสตรอเบอรี่หายากเหลือเกิน ถึงจะถูกอกถูกใจข้าพอสมควร แต่ก็ยังสู้บลูเบอรี่และสตรอเบอรี่ไม่ได้อยู่ดี!

ข้าเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ทันได้เคาะ สิ่งที่ปรากฏในสายตาข้า ไม่ใช่ไอซอทคนที่ข้าควรจะเห็น แต่กลับเป็นเทพอัศวินเฮฟเฟตัสแทน เขากำลังตั้งอกตั้งใจกับการกินคุ้กกี้กับน้ำชาตรงหน้าอยู่ พอเห็นข้ายืนอยู่ที่ธรณีประตู เขาก็ชะงัก

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่น่ะครีอุส”

น้ำเสียงของเฮฟเฟตัสสูงขึ้นเล็กน้อย เหมือนเขากำลังพยายามจะหลบสายตาข้า

ข้าไม่ตอบ พลางเดินเข้ามาในห้อง ปิดประตูตามหลังและมองไปยังบรรยากาศรอบๆห้อง..

ไม่มีวี่แววของไอซอทเลย?

ข้าส่งยิ้มสว่างไสวไปให้เฮฟเฟตัส

“ข้าต่างหากที่ควรจะถามเจ้านะ เฮฟเฟตัสที่รัก”

เฮฟเฟตัสมีสีหน้าลำบากใจทันที เฮอะ! ก่อนหน้านี้ข้าดันไปเห็นเฮฟเฟตัสและไอซอทกำลังนั่งคุยกันอยู่ในสวนของตำหนักฝั่งขวา ถ้าเป็นบริเวณนั้นน่ะปลอดคน แถมยังเป็นสวนที่ปลูกต้นกุหลาบเยอะแยะอีกต่างหาก! ถ้าสองคนนั้นจะหารือกันเรื่องภารกิจโน่นนี่ ก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องไปนั่งคุยกันตรงนั้นเลยนี่นา แถมในตัวของทั้งคู่ยังมีออร่าสีชมพูเปล่งประกายจนน่าหมั่นไส้อีกต่างหาก มันคืออะไรกันนะ?

“ข้า..เจ้าไม่เห็นหรือ ข้ากำลังกินคุ้กกี้อยู่ ฝีมือของเทพอัศวินไอซอทใช้ได้เลยนี่ ข้าจะเข้ามากินบ่อยๆมันผิดตรงไหน”

ข้าเม้มปากพลางนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเฮฟเฟตัสที่ยังจ้องมองข้าด้วยความสงสัย ก็ข้ายังไม่ได้ตอบคำถามเขาเลยนี่นา

“ปกติเวลานี้เขากำลังทำขนมอยู่นี่ ภารกิจก็ไม่มีเสียด้วย เขาหายไปไหนนะ”

เฮฟเฟตัสขมวดคิ้วมากกว่าเดิม พลางจ้องมองข้าอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“ครีอุส..พูดแบบนี้แสดงว่าเจ้าเข้ามาหาเขาบ่อยสิท่า”

ข้าพยักหน้าตอบอย่างไม่ลังเล แน่สิ ก็ข้าจะมาเอาขนมส่วนของข้านี่!

ถึงตอนนี้เฮฟเฟตัสก็ลุกขึ้นยืนทันที

“เจ้ากล้าดียังไงถึงเข้ามาหาเขาถึงที่นี่ทุกวันน่ะ! เจ้ามี..เจ้ามีเทอร์มิสอยู่แล้วนะ!”

ข้าแกล้งทำเป็นตกใจนิดหน่อย ดูเหมือนความสัมพันธ์ของเฮฟเฟตัสกับไอซอทจะไม่ธรรมดาซะแล้ว เพียงแต่มันจะเหมือนกับความสัมพันธ์ของข้ากับแลนซ์หรือไม่ก็เท่านั้น

ข้าฉีกยิ้มอย่างใจเย็น

“ข้าไม่ยักรู้ว่าเจ้าจะโกรธมากขนาดนี้ เฮฟเฟตัสที่รัก ข้าไม่แย่ง ‘ของของคนอื่น’ หรอก!”

ข้าเน้นเสียงตรงคำว่า ของของคนอื่น เพื่อให้เจ้าตัวรู้ตัวเสียที ข้าไม่แย่งไอซอทไปจากเจ้าหรอก เจ้าเฮฟเฟตัสใจร้อนขี้หึง ข้ามีแลนซ์ของข้าอยู่แล้ว และแลนซ์ของข้าก็หล่อกว่าไอซอทด้วยนะ เขายิ้มให้ข้าบ่อยๆด้วย!

แต่ข้าไม่ได้พูดออกไปหรอก ข้าได้แต่ยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า

“เจ้าไม่ต้องคิดมากหรอก ข้าเป็นถึงเทพอัศวินครีอุสเชียวนะ ข้าไม่ทำให้เจ้าผิดหวังแน่ ข้ามาเอาขนมในส่วนของข้าน่ะ วันไหนที่ข้าไม่ได้กินขนมหวานละก็ ข้าจะต้องลงแดงตายแน่ เจ้าก็น่าจะรู้ดีนี่นา”

เฮฟเฟตัสถอนหายใจและนั่งลงตามเดิม ก่อนจะสะบัดหน้าด้วยความหงุดหงิด

“พอเจ้าพูดด้วยตัวเองว่า วันไหนที่เจ้าไม่ได้กินขนมจะลงแดงตาย ฟังแล้วมันดูแปลกพิลึกแฮะ”

ข้าเลิกคิ้ว

“เจ้าได้ยินมาจากไอซอทสิท่า…เขาพูดมากไหมเวลาอยู่กับเจ้า”

เฮฟเฟตัสมองข้างงๆ แต่ก็ตอบอ้อมแอ้ม

“อื้อ พูดเยอะสิ”

ดูเหมือนเจ้าตัวจะหน้าแดงไปแล้วเรียบร้อย ข้ามองเขายิ้มๆ

เฮฟเฟตัสที่รักในตอนนี้ช่างน่ารักน่าชังเสียจริงๆ ความรักเปลี่ยนแปลงไปได้ทุกอย่างจริงๆสินะ แต่ทำไมถึงไม่เปลี่ยน ‘คนคนนั้น’ กันละ!!!

ดูเหมือนว่าข้าจะทำหน้าบูดออกไปเด่นชัดจนคนตรงหน้าสงสัย

“เจ้าทะเลาะกับเทอร์มิสมาเหรอ”

ข้าส่ายหน้า และย้อนกลับ

“เจ้าทะเลาะกับไอซอททุกวันหรือเปล่า ข้าเห็นเจ้าชอบหัวเสียอยู่เรื่อยนี่”

เฮฟเฟตัสรีบตอบทันที

“เปล่า ไม่ได้ทะเลาะกันเลยตั้งแต่คบกันมา เขาทำให้ข้าใจเย็นขึ้นเยอะ…แล้วก็..”

ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะรู้ตัวเองแล้วว่าเผลอพูดอะไรออกไป จึงปิดปากเงียบโดยที่ยังพูดไม่จบเสียด้วยซ้ำ ตอนนี้ข้ารู้สึกอิจฉาสองคนนี้จริงๆ พวกเขาหวานกันเหลือเกิน แต่กับข้า!!! เทอร์มิสแทบจะไม่เคยบอกรักข้าด้วยซ้ำ!!! ไม่เคยบอกรัก ทั้งยังไม่เคยจูบข้าด้วย!!

คิดได้อย่างนี้ข้าจึงหลุดถามออกไป คำถามของข้าทำเอาเฮฟเฟตัสชะงักกึกทันที

“…เจ้าคบกับไอซอทมานานเท่าไหร่แล้ว พวกเจ้าเคยจูบกันหรือยัง?”

เฮฟเฟตัสตอบอึกๆอักๆ ไม่กล้าพูด แต่พอข้าจ้องเขม็ง เขาจึงยอมเปิดปาก

“…สองเดือนแล้วมั้ง..ส่วนเรื่องจูบ ราวสองสามครั้งแล้วล่ะ..”

ข้าลุกขึ้นยืนทันที

“ก็ดีนี่! เทอร์มิสไม่เคยจูบข้าเลยด้วยซ้ำ เราสองคนคบกับมาเกือบปีแล้วนะ! ทำไมล่ะ ข้าไม่มีเสน่ห์ขนาดนั้นเลยเหรอ ข้าไม่..ข้าไม่…ข้าจะทำไงดี!!”

เฮฟเฟตัสหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุก

“ใจเย็นน่าครีอุส ก็เทอร์มิสไม่ว่างนี่นา…”

“ไม่ว่างจูบข้าเนี่ยนะ! จูบไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ แค่สองนาทีก็ถือว่าเป็นจูบแล้ว เขาจะไม่แม้แต่จูบข้าสักวินาทีเลยเชียวเหรอ!”

เฮฟเฟตัสดึงข้าให้นั่งลง

“เจ้ามาบ่นตรงนี้ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก ไปบอกกับเจ้าตัวโน่น”

วินาทีนั้นเอง ประตูห้องก็เปิดออก พร้อมกับเสียงนุ่มของใครอีกคนเอ่ยขึ้นพร้อมกัน

“ชาคส์! ข้าขอโทษ ข้ามาช้าไปหน่อย..ข้า..ครีอุส?”

น้ำเสียงของไอซอทตอนพูดกับเฮฟเฟตัสนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยน แต่พอเห็นข้าเขาก็กลับไปใช้เสียงเย็นชาตามเดิม ข้าผุดลุกขึ้นยืนทันที

“เอาล่ะไอซอท! ข้าแค่มาเอาขนมเท่านั้น ยื่นมาให้ข้าเร็วๆ ข้าจะได้กลับห้องสักที วันนี้ข้าเหนื่อยมามากแล้ว”

ไอซอทเดินไปหยิบถุงขนมที่ประทับตราประจำเทพอัศวินครีอุส แล้วยื่นมาให้ข้า ข้ารับไปถือไว้ พึมพัมขอบคุณก่อนจะเดินไปยังประตูห้อง โดยไม่วายทิ้งท้ายให้คู่รักหวานแหวว (จนน่าหมั่นไส้) ว่า..

“ขอให้พวกเจ้ามีจูบครั้งที่สี่ในสองเดือนอย่างมีความสุข ราตรีสวัสดิ์”

ข้าผลุนผลันออกจากห้องไป ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ถึงเวลาใช้คำว่าราตรีสวัสดิ์ด้วยซ้ำ นี่มันเพิ่งทุ่มเดียวเองนะ! ข้าเก็บถุงขนมเอาไว้ในอกเสื้อด้วยความทนุถนอม ก่อนจะเดินลากเท้าไปยังห้องของเทอร์มิส

น่าเศร้าใจยิ่งนัก ของข้าต้องพูดว่าจูบครั้งแรกในรอบปีต่างหาก ไม่สิๆ ต้องบอกว่า ยังไม่เคยจูบสักครั้งในรอบปีสิถึงจะถูกต้องที่สุด แต่ถ้าเรื่องนี้ไปถึงหูของพระสังฆราชกับอาจารย์ของข้าล่ะก็! ข้าต้องตายแน่ๆ ถึงข้าจะมั่นใจว่าอาจารย์ข้ากับอาจารย์ของเทอร์มิสจะจูบกันนับครั้งไม่ถ้วนแล้วก็เถอะ! แต่ถ้าพวกเขาได้ยินว่า เทพอัศวินครีอุสผู้เป็นประมุขของเทพอัศวินทั้งสิบสอง ‘อยากมีจูบที่หวานหอมร่วมกับคนรักเป็นที่สุด’ แล้วล่ะก็…มีหวังโดนปลดจากตำแหน่งโดยที่เก็บหอมรอมริบได้ไม่เท่าไหร่แน่ๆ

ข้าหยุดความคิดไร้สาระลงเมื่อมาถึงหน้าห้องของเทอร์มิส ข้าลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูห้องสองสามครั้ง

“…เจ้ามาทำอะไรที่นี่น่ะ?”

เทอร์มิสเอ่ยมาจากทางด้านหลังข้า ข้าตกใจมาก

“เจ้าไม่ได้อยู่ในห้องหรอกเหรอแลนซ์..?”

เทอร์มิสเม้มปากพลางพยักหน้า

“อื้อ…ข้าเพิ่งกลับมาจากภารกิจ และตอนนี้ก็มีงานเอกสารรอให้ข้าสะสางอยู่อีกเป็นตั้ง เจ้ามีอะไรก็รีบพูดมาเถอะ”

ดูสิดู! ดูปฏิกิริยาของเขาที่มีต่อข้า…

นี่เราสองคนเป็นคนรักกันแล้วจริงเหรอเนี่ย บรรยากาศมันต่างไปจากเฮฟเฟตัสและไอซอทมากเลยนะ สองคนนั้นมีออร่าสีชมพูลอยอยู่เต็มไปหมด ของข้ากับเทอร์มิสคงมีแต่สีเทาลอยวนไปมาซะละมั้ง

ข้าไม่ตอบ เอาแต่จ้องมองเทอร์มิสอยู่อย่างนั้น..

ไม่ใช่ว่าข้าอยากให้เขาจูบหรอกนะ ข้าแค่อยากได้ยินหรืออยากจะรู้เท่านั้นเอง ว่าเขาในตอนนี้ ‘รัก’ ข้าบ้างหรือเปล่า เขาไม่เคยพูดเลยสักครั้ง และข้าก็จำได้ตลอดว่าข้าพูดให้เขาฟังมาแล้วอย่างน้อยสิบครั้งต่อวันด้วย

เทอร์มิสถอนหายใจพลางเปิดประตูห้อง

“เจ้ากลับห้องไปก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าสะสางงานเสร็จจะรีบตามไป….”

แล้วเทอร์มิสก็ปิดประตูใส่หน้าข้าทันที!

ไม่ใช่ว่าเขาแอบซุกหญิงงามเอาไว้ในห้องหรอกนะ ถึงไม่ยอมให้ข้าเข้าไปน่ะ! แต่พอนึกขึ้นได้ว่านี่คือเทอร์มิส ไม่ใช่ไทรอน ข้าจึงได้แต่เดินคอตกกลับห้องไป

ข้ากลับมานอนกลิ้งไปมาบนเตียงราวครึ่งชั่วโมง ประตูห้องก็เปิดออก ข้าไม่ได้ล็อคประตูก็เพราะเขา เผื่อเขามาหาข้าแล้วข้าจะได้ไม่ต้องลุกขึ้นไปเปิดประตูทั้งที่ยังนอนขี้เกียจอยู่บนเตียง เทอร์มิสหอบเอกสารมาด้วยกองหนึ่ง เขาเห็นข้านอนอยู่บนเตียงก็ไม่ได้พูดหรือแสดงท่าทีแปลกใจอะไร เขาเดินไปวางเอกสารลงบนโต๊ะ ก่อนจะนั่งลงขีดๆเขียนๆเอกสารบนโต๊ะตัวนั้นด้วย ไม่ได้หันมาพูดกับข้าแม้แต่คำเดียว

“แลนซ์ เจ้าไปสืบมาได้หรือยังว่าเพราะสาเหตุอะไรช่วงนี้ถึงมีอมนุษย์เกลื่อดกลาดนัก ข้าออกไปสู้กับมันทุกวันไม่ไหวหรอกนะ”

เทอร์มิสยังไม่หันมามองข้า และตอบกลับทั้งๆที่ยังนั่งอ่านเอกสารอยู่

“เจ้าถามผิดคนแล้ว เจ้าไม่ได้ออกไปถามพิงค์กี้หรอกเหรอ?”

ข้าครางเบาๆ

นั่นสินะ..ข้าถามผิดคนจริงๆด้วย

บทสนทนาของข้ากับแลนซ์ก็มีประมาณนี้ เรื่องงาน ภารกิจ งาน ภารกิจ แทบไม่ได้คุยเรื่องส่วนตัวเลย ข้าหงุดหงิดจนต้องกลิ้งไปมาบนเตียงอีกรอบสองรอบ

“เจ้าขี้เกียจขึ้นหรือเปล่าเกรเซียส…”

ถึงตอนนั้นแลนซ์เงยหน้าจากเอกสารมามองข้าแล้วล่ะ ข้าลุกขึ้นนั่งทันทีพลางปฏิเสธเขา

“เปล่านะ! ข้าไม่ได้ขี้เกียจ เพียงแต่วันนี้ข้าออกไปจัดการอมนุษย์ทั้งวันแล้วต่างหาก ข้าเหนื่อย ข้าอยากพักผ่อน”

ข้าแทบจะตบปากตัวเองที่พูดประโยคตะกี้ เพราะแลนซ์ลุกขึ้นยืนทันที

“..งั้นข้าก็จะไม่รบกวนการพักผ่อนของเจ้าล่ะ..”

ข้ารีบเรียกแลนซ์กลับมาแทบไม่ทัน เขายังคงจ้องมองข้าด้วยสายตาประมาณว่า เจ้าจะนอนก็นอนไปสิ เรียกข้าไว้ทำไม อะไรเทือกนั้น

“..เจ้าไม่รู้หรอกเหรอ ว่าการที่ได้พูดคุยกับเจ้าก็ถือเป็นการพักผ่อนของข้าเหมือนกัน..”

ข้าเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงปนความน้อยใจ เท่านั้นแลนซ์ก็ถอนหายใจทันที มองข้าด้วยสายตาอ่อนโยนขึ้น

“อือ..ข้ารู้ แต่ถ้าเจ้าเหนื่อยจริงๆก็น่าจะนอนพักผ่อน ไม่ใช่มานั่งงอนข้าอยู่แบบนี้ ข้าง้อเจ้าตลอดเวลาไม่ได้หรอก”

ข้าถึงยิ้มออก

แลนซ์รู้จักนิสัยข้าดี ไม่ใช่ว่าตอนนี้ข้างอนเขาหรอกนะ!

เพียงแต่ตอนนี้ข้าอยากจูบเขา เอ๊ย! ข้าอยากให้เขาจูบข้า เฮ้ยไม่ใช่!!!

“เจ้ารู้ใจข้าดีจริงๆ แลนซ์”

ข้าแสร้งทำเป็นยิ้มหวานให้เขา บางทีเขาอาจจะเข้ามาจูบข้าตอนนี้ก็ได้!

แต่นั่งฉีกยิ้มนานราวห้านาที แลนซ์ก็ยังคงนั่งเซ็นต์เอกสารอยู่ที่เดิม

นี่ข้าหวังอะไรจากแลนซ์ เทอร์มิส คนนี้เนี่ย!?

“แลนซ์ เจ้ารู้เรื่องของเฮฟเฟตัสกับไอซอทหรือยัง?”

แลนซ์เงยหน้าขึ้นมองข้าด้วยความสงสัยทันที

“เรื่องอะไร?”

ข้าว่าแล้วว่าเขาต้องไม่รู้

“..เฮฟเฟตัสกับไอซอทน่ะ พวกนั้นคบกันมาสองเดือนแล้ว และก็จูบกันแล้วสามครั้งด้วย ไม่สิ! ถ้ารวมวันนี้ก็เป็นสี่!!”

ถึงข้าจะไม่มั่นใจว่าหลังจากที่ข้าเดินออกจากห้องไอซอทมา พวกเขาจะจูบกันหรือเปล่าก็เถอะ แต่จูบกันในห้องส่วนตัวแบบนั้นปลอดภัยที่สุดแล้ว ถ้าเกิดชาวบ้านที่มาเข้าเฝ้าเทพอัศวิน เดินไปเห็นเทพอัศวินสองคนกำลังจุมพิตกันอย่างดูดดื่ม ทั้งยังเป็นผู้ชายทั้งคู่อีกล่ะก็ ข้าไม่อยากจะนึกต่อจริงๆว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนั้น

แลนซ์มีสีหน้าแปลกใจ

“..งั้นเหรอ.? น่าแปลกนะที่เป็นสองคนนั้น”

เท่านั้นแหละ เจ้าตัวก็ก้มลงไปเซ็นต์เอกสารต่อ!!!

แลนซ์ เทอร์มิส!!!!!!!!! เจ้าช่วยมีปฏิกิริยามากกว่านี้หน่อยเซ่ะ!!!

ข้าโบกไม้โบกมือไปมาให้เขา แต่เขาก็ยังไม่รู้เรื่อง

“..เจ้าไม่แสดงความคิดเห็นอะไรหน่อยเหรอแลนซ์ แสดงความคิดเห็นน่ะ!”

ข้าโมโหจนควันออกหู!

คนของเขากับคนของข้ารักกัน ทั้งยังขึ้นชื่อว่าเป็นอริกัน แต่พวกเขาก็รักกัน มันไม่น่าแปลกไปหน่อยเหรอ?

“เจ้าต้องการอะไรกันแน่น่ะเกรเซียส?”

ในที่สุดเขาก็รู้จนได้ เขารู้ว่าข้าต้องการอะไรบางอย่างแต่ไม่กล้าพูด เขาจึงเอาแต่นั่งจ้องข้าอยู่อย่างนั้น ข้าก็ได้แต่นั่งเงียบ เพราะจะให้ข้าพูดออกไปได้ยังไงว่า ข้าอยากให้เจ้าจูบข้า จูบข้า จูบข้า!! พูดออกไปแบบนี้ได้ยังไงเล่า!

“..เจ้ารู้ไหมว่าพวกเขาจูบกันแล้วล่ะ…”

ข้าลดเสียงลงเล็กน้อย แลนซ์ไม่มีทีท่าแปลกใจเลย แต่กลับอมยิ้มเมื่อข้าพูดจบด้วยซ้ำ เขารู้แล้วเหรอว่าข้าต้องการอะไร?

“..เจ้าอิจฉาพวกเขาเหรอ?”

ข้าค้อนให้เขาวงใหญ่

“เปล่านะ..ใครจะไปอิจฉากัน ข้ากับเจ้ายังหวานกว่าพวกเขาอีก แล้วเจ้าก็หล่อกว่าไอซอทด้วย ข้าไม่อิจฉาเลยสักนิด!”

แลนซ์หัวเราะก่อนจะเอ่ยต่อว่า

“เจ้าพูดว่า เจ้ากับข้าหวานกว่าพวกนั้นอีกเหรอ..?”

พูดพลางก็หัวเราะพลาง สนุกจังเลยนะ!

แต่ข้าชักไม่แน่ใจแล้วสิ ว่าแลนซ์กับข้าใช่คนรักกันจริงๆหรือเปล่า สองคนนั้นแสดงออกและรู้ตัวกันอย่างชัดเจน จึงจูบกันได้อย่างไม่มีขัดเขิน แต่เราสองคน…ข้ากับแลนซ์ยังไม่มีอะไรมาเป็นพยานเลยด้วยซ้ำ ว่าเราสองคนคบกันแล้ว..แบบนี้ข้าไม่พูดประโยคตะกี้ออกไปยังดีเสียกว่า เพราะถ้าจู่ๆแลนซ์บอกว่า ‘เจ้ากับข้าหวานกว่าสองคนนั้นเนี่ยนะ เป็นไปได้ยังไง ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกัน’ ไม่ก็เหน็บด้วยประโยคเจ็บๆว่า ‘ตัวเจ้าคนเดียวก็หวานกว่าสองคนนั้นไม่รู้กี่เท่าแล้ว ไม่ต้องเอาข้าไปเอี่ยวด้วยหรอก ถ้าเจ้ายังไม่ลดปริมาณความหวานในขนมน่ะ’อะไรเทือกนั้น

แต่พอได้ยินประโยคต่อมาของแลนซ์ ก็ทำเอาข้าเกือบหงายหลังตกเตียง!

“..เจ้ากับข้าหวานกว่าสองคนนั้นเหรอ..ก็คงงั้นมั้ง..เพราะถ้าข้าจูบเจ้าล่ะก็ ข้าต้องอดใจไม่ไหวทำอย่างอื่นต่ออีกแน่ ถ้าเป็นแบบนั้นงานข้าก็จะเสียทันที เพราะงั้นรอให้พวกเราเกษียนอายุก่อนนะ..”

รู้งี้ไม่ถามดีกว่า!!!

ถึงตอนนี้ข้าก็พูดอะไรไม่ออกแล้ว ได้แต่จินตนาการว่า ไอคำว่า ‘อดใจไม่ไหวทำอย่างอื่นต่อ’ ของแลนซ์นี่มันคืออะไรกัน

แล้ว…’เพราะงั้นรอให้พวกเราเกษียนอายุก่อนนะ’

ประเดี๋ยวก่อน!

งี้ก็แสดงว่ากว่าที่พวกเราจะจูบกันได้ก็ต้องรออีกสิบหกปีเหรอ!!

“ไม่นะแลนซ์ ข้าไม่อยากรออีกสิบหกปีหรอก ถึงตอนนั้นไม่รู้ว่าเฮฟเฟตัสกับไอซอทจะจูบกันเป็นกี่ร้อยครั้งแล้ว แต่ข้าก็อยากบ้างนี่!!! ข้าไม่อยากอดทนไปจนถึงตอนนั้นนะ!”

ข้าแทบจะปิดปากตัวเองไม่ทัน

แลนซ์จ้องมองข้าทันที แถมยังจ้องนานอีกด้วย

เขาคงจะช๊อคมากที่ข้าพูดอะไรออกไปแบบนั้น แต่ข้าแค่อยากจูบกับเจ้าตอนนี้มันผิดหรือไง

กฏเหล็กของข้าคือห้ามรักผู้หญิง แต่เจ้าไม่ใช่ผู้หญิงเสียหน่อย และข้าก็ไม่ใช่ผู้หญิงด้วย เพราะงั้นจะเสียความบริสุทธิ์ไปตอนนี้ก็ใช่ว่าจะเสียหายอะไรนี่!

แต่พอพูดถึงประโยคที่ว่า ‘อดใจไม่ไหวทำอย่างอื่นต่อ’ ของแลนซ์ ข้าก็เขินจัดจนทำอะไรไม่ถูกอีกครั้ง

พวกเรานั่งเงียบไปสักพักก่อนที่แลนซ์จะเป็นคนทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน

“..เจ้าอยากจูบข้าเหรอ?”

ข้าโบกมือไปมาพลางส่ายหน้าสุดชีวิต

“ไม่ๆๆๆ ไม่ใช่อย่างนั้นนะ! เจ้าเข้าใจผิดแล้วแลนซ์ ข้าแค่…ข้าแค่…”

“ข้าแค่อยากให้เจ้าจูบข้าบ้างก็เท่านั้น…เจ้าจะพูดแบบนั้นใช่ไหมเกรเซียส..”

ข้าก้มหน้างุด หยิบผ้าห่มขึ้นมาวางบนตักแก้เขิน

แต่พอได้ยินประโยคต่อมาของเขา ข้าก็ทิ้งผ้าห่มทันที

“..ไม่ได้หรอก ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่างานข้าจะเสีย..เจ้าน่าจะเข้าใจนะ เพราะฉะนั้นอดทนไว้หน่อยเถอะ”

นี่เขาสั่งให้ข้าอดทนอะไรเนี่ย!?

ยังไม่ทันที่ข้าจะโต้ตอบอะไร ก็มีเสียงเคาะประตูดังลั่น

“ท่านหัวหน้าเทพอัศวินเทอร์มิส ท่านหัวหน้าอยู่ในนั้นหรือเปล่าครับ ท่านหัวหน้าเทอร์มิส!!!”

นั่นเป็นเสียงของเหล่าอัศวินในสังกัดของเทอร์มิสแน่ ข้ารีบลุกขึ้นยืนอย่างเรียบร้อย ก่อนที่แลนซ์จะเปิดประตู

พวกนั้นสองคนถลาเข้ามาในห้อง

“พระสังฆราชบอกให้ข้ามาเรียกท่านไปพบ ท่านหัวหน้า อย่างด่วนที่สุดด้วยครับ..”

แลนซ์พยักหน้า

“อือ ข้าจะรีบตามไป พวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ”

ข้าอ้าปากค้างทันที..

ตาแก่นั่นขัดความสุขของข้าอีกแล้ว!!!

แลนซ์จัดกองเอกสารเข้าที่ด้วยความเร่งรีบ

“เกรเซียส กองเอกสารนี่ข้าจะกลับมาเอาพรุ่งนี้ เพราะวันนี้ข้าคงจะไม่กลับเข้ามาแล้วล่ะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้…”

พูดจบก็ตั้งท่าจะเดินออกจากห้อง

ข้าจึงเรียกเขาเอาไว้ก่อนที่เขาจะเปิดประตูออกไป

“เดี๋ยวก่อนแลนซ์…แล้วข้าล่ะ?”

ประตูเปิดออก แลนซ์หันมามองข้า

“เจ้าเหรอ? เจ้าก็นอนพักผ่อนไปสิ ไม่ก็พอกหน้าอะไรของเจ้าไปซะ..”

พูดจบก็ก้าวเท้าออกจากห้อง ข้าจึงเรียกเขาไว้อีก

“เรื่องจูบล่ะ!!!!”

แลนซ์ชะงักฝีเท้า ก่อนจะหันมามองข้าอีกครั้ง

“เรื่องจูบของข้าล่ะ..”

น้ำเสียงของข้าอ่อนลงจนอีกฝ่ายถอนหายใจ

“เจ้านี่จริงๆเลย….”

ไม่ทันที่ข้าจะตั้งตัว แลนซ์ก้าวเท้ามายืนตรงหน้าข้า ก่อนจะก้มลงมาใกล้ๆ ข้าหลับตาปี๋อย่างมีความสุข แต่สิ่งที่ข้าได้รับกับเป็นการหอมฟอดใหญ่ๆตรงแก้ม

แต่นั่นก็ทำให้ข้าเขินจนต้องเอามือลูบมันเหมือนกันล่ะ

“..เอาไว้แค่นี้ก่อนนะ…ข้าต้องรีบไป..”

“เดี๋ยวสิแลนซ์……”

แลนซ์หันมามองข้าอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะพูดเสียงเบาสุดๆว่า

“..ข้ารักเจ้า…”

แล้วก็หุนหันออกจากห้องไปทันที…

ประตูห้องปิดลง พร้อมๆกับที่ร่างของข้าค่อยร่วงลงบนพื้น…

มือยังลูบแก้มด้านขวาที่แลนซ์ทิ้งรอยอบอุ่นเอาไว้ให้ แถมยังบอกรักข้าดื้อๆอีกแน่ะ

นับว่าวันนี้เป็นวันที่ข้าจะต้องจดจำไปตลอดชีวิตอีกวันหนึ่งเลยทีเดียว….

“..แล้วเรื่องจูบล่ะ???”

 

————————————————————————————–

 

{LSK-FICTION} ข้ารักเจ้า… (ไอซอทxเฮฟเฟตัส)

{LSK-FICTION} ข้ารักเจ้า… (ไอซอทxเฮฟเฟตัส)

ข้ารักเจ้า…

ไอซอท x เฮฟเฟตัส

 

7lsk1

 

 

 

ถึงแม้เทพอัศวินทั้งสิบสององค์จะถือเป็นกลุ่มเดียวกัน มีประมุของค์เดียวกันอย่างหัวหน้าเทพอัศวินครีอุส แต่ใครๆก็รู้ดีว่าฝ่ายเฮมิชกับกลุ่มโคลด์บลัดมักจะเป็นอริกัน ไม่มีทางที่ทั้งสองฝ่ายจะมาปรองดองกันได้ ทุกยุคทุกสมัยเป็นแบบนี้มาตลอดหลายสิบปีหลายร้อยปี

แต่บัดนี้ บุคคลที่เขาว่ากันว่าเป็นชายที่เยือกเย็นที่สุดในกลุ่มโคลด์บลัด กลับยืนอยู่ตรงหน้าข้า ถ้อยคำที่ไม่น่าจะเป็นไปได้กลับเอื้อนเอ่ยออกมาผ่านริมฝีปากสีชมพูที่แตะแต้มอยู่บนใบหน้าขาวไร้อารมณ์ของอีกฝ่าย

ถ้อยคำที่ทำให้ข้าถึงกับเข่าอ่อน

“เฮฟเฟตัส..เจ้าไม่เชื่อข้าเหรอ?”

ข้าเม้มปากแน่น

“เจ้าพูดอะไรออกมา รู้ตัวหรือเปล่า..ไอซอท?!”

ข้าเผลอปล่อยอาวุธตกลงบนพื้น ไอซอทจึงค่อยๆเดินเข้ามาเก็บอาวุธและยื่นมันให้ข้า ใบหน้าคมของเขายังจ้องมองข้า ใบหน้าไร้อารมณ์ที่เขาชอบทำบ่อยๆยังคงปรากฏเด่นชัดอยู่บนใบหน้าเขาตอนนี้ ข้าเอื้อมมือไปรับอาวุธมาถือไว้แน่นกลัวว่าจะหล่นลงไปอีก ก่อนจะพูดซ้ำ

“เจ้าต้องละเมอแน่ๆที่พูดอะไรแบบนี้..เฮอะ..จะเป็นไปได้ยังไง!”

ข้าสบถเบาๆก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น แต่หางตายังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าไร้อารมณ์ของไอซอท

นานราวสองนาทีที่ไอซอทไม่ได้พูดอะไรอีกเลย แต่กลับจ้องข้าอยู่นั่นล่ะ ข้าจึงทนไม่ไหวระเบิดเข้า!

“เจ้าต้องการอะไรกันแน่น่ะไอซอท! ข้าไม่มีเวลาว่างมานั่งเล่นกับเจ้าหรอกนะ!!”

วินาทีนั้น แววตาของไอซอทเริ่มเจือความเศร้า ข้าใจหายวูบ

“ข้าขอโทษ…”

เสียงนุ่มๆเอ่ยออกมาหลังจากที่เงียบไปนาน ก่อนเจ้าตัวจะเดินหนีหันหลังจากไปหลังจากที่พูดจบ

 

เย็นวันนั้นข้ากับไทรอนไปจัดการกับอมนุษย์ที่ออกมาเผ่นผ่านในเมืองลีฟบัดตามคำสั่งของครีอุส ไทรอนมีโล่ปราการที่สามารถปกป้องยามที่ข้ากำลังต่อสู้ได้ อมนุษย์ในคราวนี้ช่างแข็งแกร่งจริงๆ

“เฮฟเฟตัส…วันนี้เจ้าเป็นอะไร ทำไมถึงดูอ่อนแรงอย่างนี้ ย๊ากกก!”

ไทรอนหันมาตะโกนใส่ข้า ก่อนจะหันไปฟาดโล่เหล็กใส่อมนุษย์อีกตัว ตอนนั้นเองข้าเผลอพลาดพลั้งจนอมนุษย์ที่ใช้มือขนาดใหญ่ของมันฟาดเข้าตรงหน้าท้องของข้าจนจุกลงไปนั่งกองบนพื้น

ข้าเผลอนึกถึงเรื่องเมื่อตอนบ่ายขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้…

แค่ถ้อยคำสามคำที่เอ่ยออกมาจากปากของไอซอท กลับทำให้ข้าคลุ้มคลั่งขนาดนี้ มันเพราะอะไรกันนะ?

ไทรอนหันไปจัดการกับอมนุษย์ตัวสุดท้ายจนมันล้มลง ก่อนจะเดินเข้ามาพยุงข้า

บรรยากาศตอนนี้เงียบสนิทเมื่อศัตรูพลาดท่าจนหมดสิ้น ข้าเดินกระเผลกโดยมีไทรอนพยุงเอาไว้

“เจ้าไม่เป็นตัวของตัวเองเลย…”

ไทรอนเอ่ยออกมาหลังจากที่เงียบไปนาน ตอนนี้เราสองคนใกล้จะเดินถึงตำหนักเทพอัศวินแล้วล่ะ

“ขอโทษที ข้าปวดหัวนิดหน่อยน่ะ”

ไทรอนหยุดเดิน พลางจ้องมองข้าอย่างไม่เข้าใจ

“ไม่ยักรู้ว่าคนอย่างเจ้าจะมีเรื่องให้ปวดหัวด้วย”

ข้าพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะเร่งให้ไทรอนเดินต่อไปเรื่อยๆจนมาถึงทางเข้าตำหนัก ที่มีคนพลุกพล่านมากกว่าปกติ

“เจ้าเป็นอย่างไรบ้างเฮฟเฟตัส ไทรอน…ขอให้องค์มหาเทพแห่งแสงสว่างจงคุ้มครองพวกเจ้า…ขอให้..”

“พอเถอะครีอุส เฮฟเฟตัสบาดเจ็บสาหัสพอดู เจ้าไม่ต้องพล่ามมากหรอก รีบรักษาให้เขาก่อนเถอะ” ไทรอนตัดบท

ครีอุสพยักหน้าก่อนจะช่วยพยุงแขนอีกข้างของข้า พวกเขาพาข้ามายังห้องนอนส่วนตัวของข้าในที่สุด

“เย็นป่านนี้แล้ว ที่ตำหนักมีอะไรเรอะ”

ข้าถอนหายใจพลางทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเมื่อครีอุสรักษาบาดแผลของข้าเสร็จ

“องค์หญิงเล็กของเมืองข้างๆเสด็จมาน่ะ เห็นว่าจะมาขอบคุณไอซอทที่ช่วยนางไว้ในภารกิจคราวก่อน เจ้าไม่ได้ไปด้วยนี่นะ”

วินาทีนั้นจู่ๆข้าก็รู้สึกเจ็บแปลบตรงหัวใจขึ้นมา

“องค์หญิงเรอะ? แล้วไอซอทช่วยยังไง”

ครีอุสยัดพายบลูเบอรี่เข้าปากก่อนจะเคี้ยวเสียงดังไม่มีมารยาท

“ไอซอทช่วยนางจากพวกอมนุษย์น่ะ ข้าก็ไม่ค่อยรู้แน่ชัดหรอก ก็เทอร์มิสที่ไปด้วยไม่ยอมเล่าให้ข้าฟังเลยนี่นา!”

พูดถึงเทอร์มิสทีไร ครีอุสต้องแกล้งทำหน้าบูดเบี้ยวอยู่เรื่อย นั่นเขาเรียกว่างอนเรอะ

ข้าแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ก่อนที่อาเดร์ รองหัวหน้าหน่วยเทพอัศวินครีอุสจะเข้ามา

“หัวหน้าครับ องค์หญิงต้องการพบหัวหน้าเทพอัศวินทั้งสิบสององค์น่ะครับ…เชิญหัวหน้าลงไปข้างล่าง..”

ครีอุสฉีกยิ้มน่าหมั่นไส้ก่อนจะเอ่ยว่า

“ได้สิ ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้”

ว่าแล้วก็เดินออกจากห้องไปทันที ฝ่ายอาเดร์หันมาโค้งคำนับให้ข้า ก่อนจะค่อยเดินตามครีอุสไป แต่ข้าห้ามไว้เสียก่อน

“แล้วเจ้าไม่เชิญข้าหรืออาเดร์?”

อาเดร์มีสีหน้าลำบากใจ

“ข้าได้ยินมาว่าท่านหัวหน้าเทพอัศวินเฮฟเฟตัสได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าเลย…”

“ข้าจะไป…”

พูดจบข้าก็เดินลงจากเตียงและมุ่งหน้าไปยังท้องพระโรงทันที

 

ข้าเดินปึงปังตรงไปยังที่หมาย ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปอย่างแรง ทุกคนหันมามองข้าเป็นตาเดียว

“เฮฟเฟตัส ได้ยินว่าเจ้าบาดเจ็บ!?”

เคเรสเอ่ยออกมาก่อนใครเพื่อน ข้าไม่ได้สนใจเขา แต่คนที่ข้าหันไปมองมีเพียงไอซอทคนเดียว บัดนี้ไอซอทกำลังนั่งสนทนากับองค์หญิงคนสวยอยู่ ดูเหมือนว่านางจะสนใจไอซอทเป็นพิเศษด้วยซ้ำ ไม่งั้นนางไม่เรียกไอซอทไปคุยใกล้ขนาดนั้นหรอก

ข้าเดินมานั่งข้างไทรอนทันทีที่รู้สึกว่าตนมองพวกนั้นสองคนนานเกินไปแล้ว

“ยินดีที่ได้พบกันนะ ท่านหัวหน้าเทพอัศวินเฮฟเฟตัส..”

เสียงหวานเจื้อยแจ้วเอ่ยออกมา ข้าลุกขึ้นยืนโค้งคำนับให้อย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะกระแทกเก้าอี้นั่งลงตามเดิม

“..เพราะฉะนั้นข้าถึงต้องมาที่นี่ด้วยตัวเอง ท่านพ่ออยากพบท่านมากนะ ท่านหัวหน้าเทพอัศวินไอซอท..”

ข้าเหลือบไปมองไอซอทที่ยังปั้นยิ้มอยู่

เฮอะ! ไหนว่าคุยกับใครไม่เก่งไง!!

“..พอดีว่าช่วงนี้ข้ามีภารกิจต้องออกไปด้านนอกกับหัวหน้าเทพอัศวินครีอุส ข้ามิได้ต้องการจะ…”

“ไม่เป็นไร! ไอซอทที่รัก ข้ามีไทรอนกับเฮฟเฟตัสไปด้วยแล้ว เจ้าเดินทางไปกับองค์หญิงเถิด”

ครีอุสสะบัดผมก่อนจะเอ่ยเป็นงานเป็นการ ข้าถอนหายใจเสียงดังจนเทมเพสและไทรอนที่นั่งข้างๆได้ยินเข้า

“..เจ้าบาดเจ็บก็กลับไปพักผ่อนซะสิ ไม่ต้องอดทนหรอก”

ไทรอนกระซิบใส่หูข้า ข้ายักไหล่อย่างไม่สนใจ

“ช่างข้าเถอะ ข้าหายดีแล้ว!”

ข้าตอบกลับไปเบาๆ

และหลังจากนั้นบทสนทนาขององค์หญิงก็เป็นเรื่องที่ไอซอทช่วยนางจากเหล่าอมนุษย์ รวมทั้งขอบคุณเหล่าเทพอัศวินทุกคนด้วยถ้อยคำวกไปวนมาอย่างยาวนาน โดยมีไอซอทนั่งพยักหน้าหงิกๆเป็นระยะๆ

“..ท่านพ่ออยากพบท่านมากจริงๆ ท่านต้องเสด็จไปให้ได้นะเพคะ..”

ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยคำพูดเลี่ยนหูจนเทมเพสแอบสบถเบาๆว่าอิจฉาไอซอทสุดๆ ข้านั่งเอามือกอดอกฟังเป็นเวลานานก็เริ่มทนไม่ไหว ลุกขึ้นยืนทันทีจนเก้าอี้ล้มลงดังตึง!

ทุกคนมองข้าเป็นตาเดียว

“ผีเข้ารึ? ทำไมเจ้าถึงอยู่ไม่นิ่งเลย” เทมเพสกระซิบ ข้าเม้มปากแน่น ไม่สนใจคำพูดเขา

“..พอดีข้านึกขึ้นได้ว่ายังมีงานเอกสารที่จะต้องสะสางก่อนวันพรุ่งนี้ ข้ารีบกลับก่อนละ ลาก่อนองค์หญิง ขออภัยที่อยู่ร่วมสนทนาจนจบมิได้…”

ข้าเอ่ยแค่นเสียง ก่อนจะผลุนผลันออกจากห้องไป

เมื่อกลับถึงห้อง ข้ากระแทกประตูปิดลงอย่างแรง ก่อนจะวิ่งขึ้นไปนอนบนเตียง ซุกหน้าลงกับหมอนใบใหญ่ทันที

ปกติไอซอทเป็นคนเงียบๆและเยือกเย็น เขาแทบไม่ได้คุยกับข้าด้วยประโยคยาวๆเลยสักครั้ง รวมทั้งเรื่องเมื่อตอนบ่ายด้วย กะอีแค่เขาไปช่วยองค์หญิงจากพวกอมนุษย์ตัวกระจ้อยร่อยแค่นั้น อุตส่ามาขอบคุณถึงที่นี่ แถมเจ้าตัวยังนั่งนิ่งไปยอมเดินหนีเหมือนทุกครั้งอีกต่างหาก

เจ้าทำแบบนี้หมายความว่ายังไง!?

แล้วเรื่องเมื่อตอนบ่ายล่ะ!

เจ้า…เจ้าลืมไปแล้วเหรอ..?

คิดได้ดังนั้น น้ำตาก็เอ่อล้น ก่อนจะหยดแหมะลงบนหมอนจนเปียกชุ่ม ก่อนที่สติข้าจะเริ่มเลือน…

 

.

.

.

.

.

.

.

 

 

 

“ข้ารักเจ้า….”

ข้านิ่งค้างอยู่อย่างนั้น เมื่อใบหน้าเยือกเย็นของใครบางคนเอ่ยต่อหน้าข้า

ใบหน้าเยือกเย็นที่เคยมี บัดนี้กลับกลายเป็นใบหน้าที่ดูใจดีและอบอุ่นจนข้าเผลอไผลมอง ข้าเอื้อมมือไปข้างหน้าไอซอทเพื่อต้องการจะสัมผัสใบหน้าของเขา ก่อนที่เขาจะยิ้มและกุมมือของข้าเอาไว้แน่น

ไอซอทกุมมือข้าเอาไว้ชั่วครู่ก็ยกมือข้าขึ้นไปแตะใบหน้าเขา

รู้สึกร้อนผ่าวบริเวณแก้มอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“เฮฟเฟตัส…เจ้าเชื่อข้าแล้วเหรอ?”

ข้าเม้มปากแน่น แต่ยังคงจ้องมองใบหน้าอบอุ่นนั่นอย่างมีความสุข

“ไม่..ข้าไม่เชื่อหรอก..”

น่าแปลกที่น้ำเสียงของข้ากลับดูอ่อนลงมาก ไม่ได้แข็งกระด่างเหมือนเมื่อตอนบ่าย

ท่าทีของอีกฝ่ายเมื่อได้ยินข้าปฏิเสธ ยังคงเป็นเหมือนเดิม ก่อนที่ไอซอทค่อยบรรจงจุมพิตแผ่วเบาลงบนหลังมือของข้า ข้าชักมันกลับอย่างรวดเร็ว

“เจ้า…เจ้ามัน…”

“เจ้าบาดเจ็บหนัก เพราะฉะนั้นพักผ่อนเถอะ”

เมื่อร่างสูงพูดจบก็ลุกขึ้นยืนและหมุนตัวจะเดินออกจากห้อง

“เดี๋ยว..ไอซอท!”

ถ้านี่เป็นความฝัน..ขอให้ข้า…ขอให้เขาอยู่ข้างกายข้าด้วยเถอะ…ถึงแม้จะเป็นไปได้แค่ในความฝัน ข้าไม่ได้ฝันดีแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ..องค์มหาเทพแห่งแสงสว่างเป็นพยาน..ขอให้ข้าฝันแบบนี้ตลอดไปด้วยเถอะ ขอให้ในฝันของข้ามีไอซอทที่ยิ้มและอยู่เคียงข้างข้าแบบนี้ตลอดไปด้วยเถิด ….

น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของข้า

“ขอเพียงแค่ในความฝัน…ถึงในความเป็นจริงเจ้าจะต้องดูแลองค์หญิงองค์นั้นตลอดไป ถึงในความเป็นจริงข้าจะไม่มีเจ้าอยู่เคียงข้างข้า ไม่มีมืออบอุ่นที่คอยกุมมือข้าทุกวัน ไม่มีดวงตาอบอุ่นที่ทอดมองข้าตลอดเวลา ถึงในความเป็นจริงจะไม่มีเจ้าอยู่ แต่ข้าขอแค่นั้น…ขอให้เจ้าอยู่กับข้าตลอดไป…อยู่เคียงข้างข้าตลอดไป แค่ในความฝัน…..ฮึก..ไอซอท…”

ไอซอทชะงักฝีเท้า ก่อนจะหันมายิ้มให้ข้าอีกครั้ง แต่ข้ามองไม่ชัด เพราะบัดนี้ในดวงตาข้ามันเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ไอซอทเดินมานั่งข้างเตียงข้า มือใหญ่เกลี่ยน้ำตาบนแก้มข้าออกไปจนเกลี้ยง ก่อนจะก้มลงจุมพิตข้าแผ่วเบาบนหน้าผาก

ข้าพึมพัมแผ่วเบาอย่างมีความสุข

“ฝันดีจัง….”

ก่อนที่มือของเขาจะค่อยๆสัมผัสแก้มข้าแผ่วเบา…มือใหญ่ที่ปกติมักจะสวมถุงมือสีขาวเป็นประจำ บัดนี้ถูกปลดออก มือเปลือยเปล่าสีขาวจัดค่อยๆสัมผัสแก้มข้าแผ่วเบาจนข้ารู้สึกจักจี๋ ข้าจับมือนั้นเอาไว้ไม่ให้ไปไหน แล้วหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข

ก่อนที่ไอซอทจะกระซิบข้างหูข้าว่า…

“ไม่ใช่ความฝันสักหน่อย…..”

“หือ?”

ข้าเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ เหลียวมองไปรอบตัว ก็พบว่าตัวข้านอนอยู่บนเตียงของตัวเอง มีไอซอทนั่งบนขอบเตียง มือของเขายังถูกข้ากุมเอาไว้ เมื่อทุกอย่างกลับเป็นปกติ โต๊ะเก้าอี้ทุกอย่างปรากฏเด่นชัดในสายตาข้า ข้าเผลอปล่อยมือไอซอทอย่างรวดเร็ว และลุกขึ้นนั่งทันที

“เจ้า…นี่เจ้าเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่!”

ไอซอทยิ้มก่อนจะเอ่ย

“ข้าวิ่งตามเจ้ามาน่ะ ตะกี้เจ้างอนข้าแล้ววิ่งออกมาจากท้องพระโรงนี่”

“เจ้าว่าไงนะ!? เจ้าวิ่งตามข้ามา…แล้ว..”

“ข้าก็เห็นเจ้านอนอยู่บนเตียง ข้าเลยเข้ามาใกล้เจ้า…แล้วก็อดจะสัมผัสแก้มเจ้าไม่ได้…แล้วข้า..”

“พอๆ พอแล้ว”

ข้าตะคอกก่อนจะจับแก้มตัวเองเหมือนไม่อยากจะเชื่อ

มันไม่ใช่ความฝันเหรอ…ไอซอทตามข้ามาในห้อง เขาวิ่งตามข้าเข้ามา..แล้วเขาก็อยู่เคียงข้างข้ามาตลอดจนบัดนี้เลยเหรอ เป็นไปได้ยังไง!?

“แต่เจ้า..เจ้าจะต้องดูแลองค์หญิงคนนั้น เจ้าไม่น่าจะ…”

ข้าตะโกนเสียงดัง ไอซอทยิ้มละไม

“ข้ายังไม่ได้พูดเลยว่าข้าจะอยู่ดูแลองค์หญิง…”

ถึงไอซอทจะพูดมากกว่าปกติในวันนี้ แต่เขาก็ยังถามคำตอบคำอยู่ดี

“ไม่รู้ล่ะ อีกเดี๋ยวจะต้องเดินทางแล้วนี่ รีบไปเตรียมตัวเถอะ อย่ามายุ่งกับข้า…”

“เจ้าเพิ่งบอกให้ข้าอยู่เคียงข้างเจ้าเองนะ นี่เจ้าจะไล่ข้าไปอีกแล้วเหรอ?”

น้ำเสียงของไอซอทตัดพ้อ นัยน์ตาสีฟ้าเจือไปด้วยความเศร้า ฉับพลันนั้นข้าใจหายวูบ น้ำตาปริ่มอีกแล้ว มันทำให้ข้ามองไอซอทไม่ชัดเลย ข้าใช้หลังมือปาดน้ำตาออก ก่อนจะเงยหน้ามองไอซอทอีกครั้ง

ชั่วเสี้ยววินาทีที่ข้าเช็ดน้ำตา ไอซอทก็สวมกอดข้าไว้หลวมๆ ข้าดิ้นขลุกขลักไปมาหลายครั้ง แต่ไอซอทก็ยังไม่ยอมปล่อย ข้าถึงยอมให้อีกฝ่ายถือวิสาสะกอดข้าอยู่อย่างนั้น

“ไม่ว่าจะเป็นความฝันหรือในโลกแห่งความเป็นจริง…อิชลานคนนี้ขอสาบานต่อทวยเทพทั้งปวง ว่าจะอยู่เคียงข้างเจ้าตลอดไป อยู่เคียงข้างชาคส์คนที่ข้ารักตลอดไป…”

เสียงนุ่มเอ่ยอยู่ข้างหูข้า ข้าเขินจนทำอะไรไม่ถูก เมื่ออีกฝ่ายโน้มหน้าเข้ามาใกล้ แล้วบรรจงจุมพิตลงบนริมฝีปากข้าแผ่วเบา…แต่เนิ่นนาน……

.

.

.

.

.

.

.

.

 

ข้ารักเจ้า….ข้ารักเจ้า…

 

เป็นคำสามคำที่ข้าจะได้ยินทุกครั้งยามตื่น ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน อิชลานคนนั้นยังคงอยู่เคียงข้างข้า ถึงแม้เราจะเกษียนอายุไปแล้ว แต่ข้าก็ยังได้ยินคำบอกรักของเขาทุกวัน….

ขอแค่เขายังอยู่เคียงข้างข้า ถึงจะไม่ได้บอกรักทุกวัน ข้าก็ยินดี ข้ายินดีที่จะอยู่เคียงข้างเขาไปตลอดกาล…

 

…ข้าก็รักเจ้า..อิชลาน…

 

 

———————————————————————————————-

THE END

Talk : เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่แต่งให้กับ LSK ทั้งๆที่คู่ที่ชอบมากที่สุดคือ เทอร์มิสxครีอุส แต่พออ่านเล่ม 4 และขุดค้นหาภาพในเรื่องมานั่งดู ก็ดันไปเจอภาพคู่นี้เข้า ไม่รู้มีคนชอบกันไหม แต่เราชอบนะ เฮฟเฟตัสจะออกแนวมุทะลุหน่อยๆ แต่ไอซอทจะใจเย็น เยือกเย็น ไม่รู้ทำไมเราชอบคู่ที่มันต่างกันสุดขั้ว แต่ดันมารักกันได้  ยังไงก็อ่านแล้วติชมด้วยนะคะ แล้วก็ภาษาในเรื่องรวมทั้งการบรรยายสถานที่ในเรื่องยังดูขัดๆอยู่บ้าง ผิดพลาดตรงไหนขออภัยด้วยแล้วกัน ;D