LUCKY
Katsuki x Ochako
“บาคุโกคุง ทรงผมไม่เรียบร้อย ชอบใส่กางเกงหลุดตูด และสวมรองเท้าเหยียบส้น”
“ห๊า!?”
เด็กสาวตัวเล็กเอ่ยเสียงฉะฉานพลางจดอะไรบางอย่างลงบนสมุดที่เธอถืออยู่ เจ้าของชื่อเลิกคิ้วพลางก้มมองเธอที่ตัวเล็กกว่าร่วมยี่สิบเซนติเมตรที่มีนามว่า อุรารากะ โอชาโกะ
“….ความประพฤติของเธอเข้าข่ายผิดระเบียบของโรงเรียนนะ” โอชาโกะย้ำพลางเงยหน้ามองหนุ่มผมทรงสัปปะรดที่มีเอกลักษณ์คือชอบอารมณ์เสียอยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องเดาให้ยากเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากที่เด็กสาวพูดประโยคนั้นจบ
ปึง!!!
“….เพิ่มอีกข้อหาคือทำลายข้าวของของโรงเรียนให้เกิดความเสียหาย”
โอชาโกะจดบันทึกลงในสมุดเล่มเดิม ก่อนจะเดินปลีกตัวจากจุดนั้นแล้วไปสำรวจเพื่อนคนอื่นต่อ
“ยัยนั่นทำบ้าอะไร!!”
บาคุโก คัตสึกิ ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นอันธพาล(?) ประจำโรงเรียนมัธยมปลายเอยู แต่เขาก็ไม่เคยทำร้ายผู้หญิง เขาไม่ได้ยืนหยัดหรือยืดอกว่าตนเป็นสุภาพบุรุษเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเพราะไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าใกล้เขาเลยมากกว่า แต่กับเพื่อนร่วมห้องเรียนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมาแล้วเทอมกว่าๆ ก็พอจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของคัตสึกิเขาล่ะ แท้ที่จริงแล้วก็เป็นพวกที่ชอบโหวกเหวกโวยวายไปเรื่อย จริง ๆ หมอนี่ไม่มีพิษมีภัยอะไรหรอก
“ใจเย็นน่าบาคุโก นายก็รู้ว่าอุรารากะเพิ่งถูกรุ่นพี่ชวนให้เป็นกรรมการนักเรียน ยัยนั่นก็เห่อทำหน้าที่ไปอย่างนั้นแหละ ไม่มีอะไรหรอกน่า” คิริชิม่าเอ่ยพลางกลั้นขำไปด้วย
“ถ้านักเรียนเรียบร้อยเกินไป กรรมการก็ไม่มีงานทำใช่ไหมล่ะ นายก็ผิดระเบียบให้เขาหน่อยน่า เขาจะได้มีงานทำยังไงล่ะ!” คามินาริผิวปากร้องเป็นเพลงแต่ก็โดนฝ่ามืออรหันต์ของคนไม่สนุกด้วยป๊าบเข้าที่กระหม่อมไปหนึ่งที
ตอนนั้นคัตสึกิไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แม้จะสร้างความรำคาญนิดหน่อย แต่ก็ไม่อะไร จนกระทั่งโอชาโกะเดินมาจับผิดเขาทุกวี่ทุกวัน จนเส้นความอดทนมันเกือบจะขาดสะบั้นลงแล้วนั่นเอง
“เธอทำบ้าอะไรนักหนาวะ!!”
โอชาโกะสะดุ้งตกใจเล็กน้อย แต่ก็ตีสีหน้าเรียบเฉยไม่มีท่าทีเกรงกลัวอีกฝ่ายเลยแม้แต่นิดแล้วตอบกลับอีกฝ่ายไป
“ก็เธอแต่งตัวไม่เรียบร้อย หัดหวีผมและแต่งตัวให้เรียบร้อยซะบ้างสิ!!”
“แล้วมันหนักส่วนไหนของเธอวะ!!!”
คัตสึกิลุกขึ้นจากเก้าอี้ยืนประจันหน้ากับกรรมการสาว ด้วยเสียงที่เริ่มดังขึ้นแล้วนั้น จึงเรียกสายตาจากเพื่อนร่วมห้องให้หันมามองเหตุการณ์นี้เป็นตาเดียว
“มันไม่หนักฉันหรอก แต่เธอควรทำตามกฎระเบียบของโรงเรียนสิ!!”
“แล้วถ้าฉันไม่ทำ มันจะเกิดอะไรขึ้นกับโรงเรียนนี้วะ มันจะถล่มลงมาทับเธอตายหรือไง!!!”
โอชาโกะเงียบไปอึดใจ สมองกำลังประมวลผลเพื่อหาวิธีการให้อีกฝ่ายยอมปฏิบัติตัวให้เรียบร้อยตามกฎระเบียบ หากเพื่อนร่วมห้องของเธอไม่เรียบร้อยซะเอง ถือว่าหน้าที่กรรมการนักเรียนของเธอบกพร่องจนถึงขีดสุด อย่างน้อยแค่เกลี่ยกล่อมให้อีกฝ่ายยอมประพฤติตัวดีเท่านั้น ต่อให้ทำอะไรเธอก็ยอมล่ะ
“….บาคุโกคุง ที่เธอไม่ยอมทำตัวให้เรียบร้อย หรือว่า……”
โอชาโกะแกล้งตีสีหน้ามีเลสนัย เรียกความสนใจจากอีกฝ่ายและเพื่อนร่วมห้องทันที
“…หรือว่าอะไร!!!!!”
“…..หรือว่าบาคุโกคุงไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลย?”
“ห๊ะ!?”
เพื่อนร่วมห้องเริ่มส่งเสียงฮือฮา โอชาโกะหันไปถามความเห็นจากอิซุกุ ที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของคัตสึกิทันทีเพื่อความแน่ใจ อิซุกุนั่งตัวสั่นงกเงิ่น เขาทำหน้าตาเลิ่กลั่กไม่รู้จะส่ายหน้าหรือพยักหน้าดี
“…ใช่มั้ยล่ะ!? เพราะเธอทำตัวแบบนี้มาตลอด ก็เลยไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้ามาคุยด้วยเลยสักคนเดียว เธอก็เลยไม่มีแฟนมาก่อนเลยใช่มั้ย”
โอชาโกะพูดย้ำอีกครั้งเพื่อให้อีกฝ่ายจนตรอก ทั้งที่ในใจก็ไม่แน่ใจหรอกว่าอีกฝ่ายจะเคยมีแฟนหรือเปล่า แต่เปอร์เซนต์ไม่เคยน่าจะมีมากกว่า ถึงจะหน้าแตก แต่หากยั่วให้อีกฝ่ายจนตรอกได้ก็ต้องยอมล่ะ
“แล้วเรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันเกี่ยวกันตรงไหนไม่ทราบ ห๊ะ!!!!!”
โอชาโกะยิ้มมุมปาก ท่าทีของคัตสึกิเริ่มเข้าทางเธอเรียบร้อยแล้ว ท่าทางที่ดูลนลานและไม่ยอมรับหรือปฏิเสธอะไรในเรื่องนี้ แต่กลับย้อนถามเธอด้วยคำถามแบบนี้…
“…เกี่ยวมากเลยล่ะ!!! เพราะพฤติกรรมของเธอเป็นแบบนี้ เลยไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าคุยด้วย ไม่ว่าจะทรงผม การแต่งตัว ท่าทางและสีหน้าของเธอ ทุกอย่างล้วนแต่ทำให้ผู้หญิงทุกคนกลัวและไม่กล้าเข้าใกล้เธอทั้งนั้น!!!”
“ก็ถามอยู่นี่ไงว่ามันเกี่ยวกันตรงไหนละโว้ย!!!!!!!!!”
ปึง!
โต๊ะนักเรียนที่วางอยู่บริเวณนั้นล้มลงตามแรงเตะของคัตสึกิที่โมโหจนถึงขีดสุด โอชาโกะตกใจแต่พยายามปรับสีหน้าแล้วหันไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายทันทีโดยไม่สนใจเสียงห้ามปรามของสึยุจังเลย
“ก็เพราะไม่มีใครชอบเธอไงล่ะ ไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบเธอหรอก เพราะเธอมีนิสัยแบบนี้!!!! ถ้ามีใครตกหลุมรักเธอจริงล่ะก็ ขอให้มาบอกฉันคนนี้เลย ถ้ามีสักคนล่ะก็ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่างเลย!!!”
โอชาโกะตะเบ็งเสียงเพื่อไม่ให้น้อยหน้าอีกฝ่าย ตอนนั้นเองจู่ ๆ คัตสึกิก็ยิ้มขึ้นมาซะอย่างนั้น แต่เป็นรอยยิ้มอันชั่วร้ายที่แม้แต่เพื่อนสนิทอย่างคิริชิม่ายังต้องขนลุก
“หึ ได้ ถ้าเอาอย่างนั้นละก็ ภายในหนึ่งเดือนนี้ ถ้ามีใครก็ตามมาชอบฉันแม้แต่คนเดียวล่ะก็ เธอจะยอมทำตามที่ฉันต้องการทุกอย่างเลยใช่ไหม”
เสียงของคัตสึกิเบาลงเล็กน้อย ฟังเผิน ๆ เหมือนความโกรธจะลดลงไปแล้ว แต่หากมองใบหน้าอันชั่วร้ายของเขาตอนนี้แล้วล่ะก็ แม้แต่เพื่อนสนิทอย่างคิริชิม่าและคามินาริยังต้องถอยล่ะ
++++++++++++++++++++++++++++++++
ถึงแม้จะรับปากไปอย่างนั้น แต่โอชาโกะก็ไม่มีท่าทีกังวลใจอะไรเลย เพราะเธอมั่นใจสุด ๆ นั่นเอง ว่าต่อให้อีกฝ่ายไปลงทุนขอร้องผู้หญิงคนไหนมาแกล้งเป็นแฟนเพื่อเล่นละครตบตาล่ะก็ ไม่มีทางสำเร็จแน่นอน เพราะไม่มีใครกล้าไงล่ะ! คิดได้ดังนั้นเธอก็เดินกลับบ้านไปอย่างมีความสุข
เช้าวันต่อมา โอชาโกะเดินถือสมุดตรวจไปรอบโรงเรียน ดุคนนั้นชมคนนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเดินมาถึงม้านั่งที่คัตสึกิ และนักเรียนชายร่วมห้องนั่งคุยกันอยู่ พวกเขาโบกมือทักทายเธอพลางเหลือบมองท่าทีของคัตสึกิไปด้วย
“วันนี้คาบพละเธอทำได้เยี่ยมไปเลยล่ะมิเนตะคุง!”
โอชาโกะเอ่ยปากชมเพื่อนร่วมห้องที่ตัวเล็กที่สุดที่นั่งรวมกลุ่มอยู่ที่นั่นด้วย มิเนตะบิดตัวไปมาแก้เขิน ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าไปหาโอชาโกะทันที แต่วินาทีนั้นเองเจ้าตัวก็โดนเตะปลิวไปอีกทาง ก่อนที่ว่างตรงหน้าโอชาโกะจะมีคนอื่นเข้ามายืนแทนที่
คัตสึกินั่นเอง
โอชาโกะตกใจเผลอก้าวถอยหลังไปนิดหน่อย แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย ก็แปลกใจเข้าไปใหญ่ เพราะคัตสึกิไม่มีท่าทีโมโหหรืออะไรเลย แค่ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเฉย ๆ แค่นั้น และดูเหมือนทรงผมจะเรียบร้อยขึ้นมานิดหนึ่งด้วย
“…เย็นนี้กลับด้วยกันไหม”
“เอ๋!?”
เหมือนทุกสรรพสิ่งที่อยู่บริเวณนั้นหยุดเคลื่อนไหว โอชาโกะอ้าปากค้าง ในขณะที่เพื่อนร่วมห้องคนอื่น ๆ ก็หยุดพฤติกรรมทั้งหมดแล้วหันมามองทั้งสองคนเป็นตาเดียว
“..อะ เธอ…..” โอชาโกะยังตกใจไม่หาย แต่แล้วสมองก็วนกลับไปนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่เธอกับคัตสึกิตกลงกันไว้ ที่แท้อีกฝ่ายก็กำลังพยายามทำให้เธอตกหลุมรักอยู่สินะ ฝันไปเถอะ นายไม่ใช่สเปคฉันเลยสักนิด
“ว่าไง จะกลับด้วยกันไหม” คัตสึกิก็เล่นละครได้แนบเนียนจนเกินไป คิ้วไม่ขมวด ไม่มีสีหน้าว่าโมโหอะไรอยู่เลยสักนิด เล่นเอาโอชาโกะเขวไปนิดหน่อย ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็วตอบกลับอีกฝ่ายไป
“เธอเป็นบ้าไปแล้วเหรอ บาคุโกคุง คิดว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะชอบเธอหรือไง”
พูดจบก็สะบัดหน้าแล้วเดินหนีไปทางอื่นทันที แต่คัตสึกิไม่ได้เดินตามไปด้วย แค่ยักไหล่แล้วกลับมานั่งบนม้านั่งตามเดิม
“…ฉันชนะแล้ว”
สีหน้าเดิมของคัตสึกิกลับมาแล้ว เพื่อน ๆ แทบอยากจะเบิ้ดกระโหลกมันโทษฐานเล่นละครได้แนบเนียนเกินไป
“นายใจร้ายไปไหม ทำไมแกล้งยัยนั่นแบบนั้น” คิริชิม่าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อย่าจริงจังไปหน่อยเลยน่า คิดดูว่าเพราะใครฉันถึงลำบากขนาดนี้”
พูดจบก็ขยี้หัวตัวเองให้ผมกลับมารกรุงรังตามเดิม
“แต่ก็ไม่เห็นต้องเป็นยัยนั่นเลยนี่ นายก็ไปจีบคนอื่นให้ได้สิ ไม่ใช่ไปจีบเจ้าตัวแบบนั้น” เพื่อนหลายคนเริ่มพยักหน้าเห็นด้วย
“แกชอบยัยนั่นหรือไง!? แล้วฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด ไม่ได้แตะตัวด้วยซ้ำ ไอหมอนั่นต่างหากที่ตอนแรกจะเข้าไปลวนลามยัยนั่นน่ะ” พูดจบก็ชี้มือไปที่มิเนตะที่ยิ้มแหยใส่
“ถึงไม่ได้แตะตัว แต่ก็ถือเป็นการทำร้ายจิตใจ” โทโดโรกิที่เงียบมาตลอดเอ่ยขึ้นบ้าง
“ห๊ะ?” คัตสึกิเลิกคิ้ว
“การทำร้ายจิตใจคนอื่นถือเป็นการกระทำที่แย่ที่สุด ถ้าอุรารากะไม่ได้คิดอะไรก็ดีไป แต่ถ้าคิดขึ้นมาจริง ๆ ก็ถือว่านายเป็นได้แค่ไอกากคนหนึ่งเท่านั้น”
“ไอครึ่งสีนี่อยากลองดีหรือไงวะ!!!!”
คำพูดเตือนสติของโทโดโรกิไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด คัตสึกิยังคงคิดแบบเดิม คือต้องการเอาชนะใจอุรารากะให้ได้ เพื่อชนะ และเพื่อให้เธอทำตามที่เขาต้องการ แม้ตอนนี้จะยังคิดไม่ออกว่าอยากให้เธอทำอะไรก็ตาม
ทางด้านโอชาโกะที่เดินกลับบ้านด้วยความมึนงงสุดขีด หัวสมองกำลังประมวลภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า แทนที่อีกฝ่ายจะไปจีบคนอื่น แต่กลับหันมาจีบเธอแบบนี้ ท่าไม่ดีแล้ว อย่าว่าแต่บาคุโกคุงเลย แม้แต่เธอก็ใช่ว่าจะเคยมีแฟนซะเมื่อไหร่ ใจเธอยอมรับเลยว่าหากปล่อยไปแบบนี้เรื่อย ๆ เธอจะโดนอีกฝ่ายปั่นหัวเข้าสักวัน และเธอจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้นแน่นอน คืนนั้นโอชาโกะนอนคิดหาวิธีแก้เผ็ดคัตสึกิทั้งคืน จนกระทั่งคิดอะไรบางอย่างออกตอนตีสี่
ดีล่ะ ขอให้มันได้ผลด้วยเถอะ
++++++++++++++++++++++++++++++++
วันรุ่งขึ้นโอชาโกะไปโรงเรียนสายจนได้ เป็นครั้งแรกตั้งแต่ทำหน้าที่กรรมการนักเรียนที่เธอทำผิดกฏของโรงเรียน จึงต้องยืนสำนึกผิดให้รุ่นพี่ดุเธออยู่นาน แถมยังโดนใช้ให้ทำความสะอาดห้องกรรมการอีกต่างหาก โอชาโกะก้มหน้าสำนึกผิดขณะที่โดนรุ่นพี่สาวซึ่งเป็นรองประธานนักเรียนแว้ดใส่อยู่อย่างนั้น จนกระทั่งเสียงคุ้นหูเสียงหนึ่งดังขึ้น
“…ไม่เห็นต้องดุขนาดนั้น”
คัตสึกินั่นเอง
“บาคุโกคุง?” โอชาโกะแปลกใจมากที่จู่ ๆ อีกฝ่ายก็โผล่มาในช่วงเวลานี้ ช่วงเวลาที่เด็กนักเรียนหลายคนน่าจะกลับบ้านไปกันหมดแล้ว แถมอีกฝ่ายที่ไม่มีชมรมด้วยแล้ว ยิ่งไม่สมควรมาอยู่ที่นี่…
“เธอนี่เอง อันธพาลปีหนึ่งคนดัง บาคุโกคุง” รองประธานคนสวยเอ่ยยิ้ม ๆ ก่อนจะผละจากโอชาโกะมุ่งตรงไปหาคัตสึกิทันที
นิ้วมือเรียวยาวไล้ไปบนเส้นผมอันยุ่งเหยิงของคัตสึกิ เจ้าตัวเหลือบมองแว่บหนึ่ง ก่อนจะสะบัดหน้าหนีแล้วเดินเข้าไปฉวยกระเป๋าเป้ที่โอชาโกะสะพายอยู่แล้วลากเธอออกจากบริเวณนั้น
“เอาล่ะ กลับกันเถอะ”
“เดี๋ยวสิ บาคุโกคุง!!?”
รองประธานสาวไม่ได้ไล่ตามแต่อย่างใด กลับยืนมองทั้งคู่เดินจากไปด้วยสีหน้าที่เดาอะไรไม่ได้เลย
++++++++++++++++++++++++++++++++
“หยุดก่อน บาคุโกคุง ทำแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันต้องกลับไปทำความสะอาดห้องก่อน” โอชาโกะว่าพลางพยายามรั้งกระเป๋าไว้ แต่อีกฝ่ายแรงเยอะเหลือเกิน
“อย่าบ้าจี้ตามยัยนั่นเลยน่า คนเรามันจะทำความผิดเลยสักครั้งไม่ได้หรือไง”
“…..”
น้ำเสียงของคัตสึกิไม่ได้กระโชกโฮกฮากเหมือนที่เคยทำ แต่กลับคุยกับเธอด้วยเหตุผล โอชาโกะนิ่งไปอึดใจ
หมอนี่เริ่มเข้าแผนอีกแล้ว ได้ ฉันก็จะทำบ้าง
เด็กสาวตั้งสติแล้วพยายามทำตามแผนที่ตนได้คิดมาตลอดทั้งคืน ด้วยการเอื้อมมือไปแตะแขนที่อีกฝ่ายซึ่งลากกระเป๋าเธออยู่นั้นเบาๆ
ได้ผล คัตสึกิชะงักมือแล้วปล่อยมือออกจากกระเป๋าเธอทันที
โอชาโกะนึกขำอยู่ในใจ ถ้าจะรังเกียจกันขนาดนี้ยังอุตส่ายอมลงทุนมาจีบกันอีกนะ
“….ฉันจะกลับไปทำความสะอาด”
เธอหันหลังกลับไปทางเดิมเงียบ ๆ โดยไม่ทันคาดคิด คัตสึกิเดินตามหลังเธอมาด้วย
โอชาโกะอยู่ทำความสะอาดห้องกรรมการนักเรียนจนสะอาดเอี่ยมอ่อง โดยมีคัตสึกิช่วยนิดหน่อย(?) แต่ถึงจะไม่ได้ลงมือช่วยเต็มเม็ดเต็มหน่วยนัก แต่ก็สร้างความแปลกใจให้เธอพอสมควร ที่จริงอีกฝ่ายควรโวยวายและแสดงท่าทีรำคาญมากกว่านี้ แต่กลับไม่ใช่เลย หรือแผนการเธอจะไม่สำเร็จกันนะ?
“เฮ้อ เหนื่อยจังเลย ไม่คิดเลยว่าการทำความสะอาดห้องกรรมการจะเหนื่อยขนาดนี้”
“แล้วยังจะทำเป็นเก่ง ปล่อยฉันทำความสะอาดเถอะ ปล่อยฉันทำความสะอาดเถอะ”
คัตสึกิล้อเลียนก่อนจะเอื้อมมือไปช่วยโอชาโกะปิดหน้าต่างที่สูงกว่า โอชาโกะทำตัวไม่ถูกก่อนจะเอ่ยปากขอบคุณอีกฝ่ายเบา ๆ
“บาคุโกคุง…”
“อะไร”
“…ที่จริงเธอน่าจะกลับไปก่อน…”
คัตสึกิหันมามอง น่าแปลกที่โอชาโกะไม่กล้าสบตาด้วย
“บอกแล้วไงว่าจะกลับด้วย..”
โอชาโกะนิ่งไปอึดใจ พลางแอบตบหน้าตัวเองเบา ๆ เตือนสติว่านี่มันก็แค่การแสดงละคร เธอสูดลมหายใจเข้าแล้วเอื้อมมือหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย
“งั้นก็กลับกันเถอะ!”
“อื้อ”
ทางกลับบ้านของทั้งคู่คนละทางกันเลย ตอนแรกโอชาโกะยืนกรานจะให้แยกทางกันแล้วต่างคนต่างกลับ แต่คัตสึกิบอกว่าจะไปส่ง แต่เนื่องจากเกรงใจพ่อและแม่ เลยบอกว่าขอส่งแค่ป้ายรถเมล์ก็พอ โอชาโกะตกลง กลับบ้านมาก็นอนคิดว่าแผนที่ตนตัดสินใจทำนั้นโอเคหรือเปล่า คิดถูกไหม หรือจะต้องแก้ไขอะไรเพิ่มอีก
แผนการคือหากคัตสึกิยอมลงทุนลำบากตัวเองมาเพื่อจีบเธอ หากเธอปฏิเสธไปตามปกติและหนีอีกฝ่ายซ้ำ ๆ อีกฝ่ายก็จะดูสนุกที่ได้ปั่นหัวเธอเล่นแน่นอน กลับกันหากแกล้งทำดีตอบแทนด้วย อีกฝ่ายจะรู้สึกขัดใจที่ไม่เป็นไปตามแผนการ แล้วยิ่งถ้าแกล้งทำตัวน่ารำคาญใส่เรื่อย ๆ คนความอดทนต่ำอย่างคัตสึกิจะต้องอกแตกตายระเบิดอารมณ์ออกมาและจะล้มเลิกเรื่องสัญญาหนึ่งเดือนบ้าบออะไรนั่นแน่นอน หวังว่าอีกฝ่ายความอดทนจะลดน้อยลงในเร็ววันนี้
++++++++++++++++++++++++++++++++
“อรุณสวัสดิ์ บาคุโกคุง!!!”
คัตสึกิเงยหน้ามอง เมื่อเห็นว่าเป็นใคร จึงถอดหูฟังที่สวมอยู่ออกแล้วพยักหน้าให้
“วันนี้ไม่ถือสมุดเล่มนั้นเดินตรวจโรงเรียนหรือไง” เขาถาม โอชาโกะส่ายหน้ายิ้มๆ
“เพราะฉันโดนทำโทษเมื่อวาน ฉันเลยโดนให้ไปทำงานอื่นแทน แต่อย่าเผลอดีใจไปล่ะ เพราะรุ่นพี่ที่จะมาตรวจเธอน่ะ โหดกว่าฉันอีกนะ!!”
คัตสึกิยักไหล่
“ก็ช่างมันสิ สำหรับฉัน ไม่มีใครโหดเท่าเธอแล้ว”
โอชาโกะทำหน้าบู้พลางก้มลงมองรองเท้าและชุดนักเรียนที่อีกฝ่ายสวมมาในวันนี้ ไม่เหยียบส้น ไม่ใส่กางเกงเอวต่ำจนเกินไปแล้ว แต่ถึงแม้ทรงผมจะดูยุ่งเหยิงอยู่บ้าง จะคิดว่าที่บ้านไม่มีเจลใส่ผมล่ะกัน
เธอเผลอยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะผละไปนั่งประจำที่ของตน
อีดะ อิซูกุ และสึยุจังมองเธอด้วยความแปลกใจเป็นอย่างมาก ที่จริงทั้งสามคนรู้แผนการของเธออยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่ามันจะได้ผลดีขนาดนี้
“อุรารากะคุงน่าทึ่งจริง ๆ ที่ปราบคนอย่างบาคุโกได้สำเร็จ” อีดะปรบมือให้
“เพิ่งเคยเห็นคัตจังเรียบร้อยก็ตอนนี้แหละ สุดยอดเลยอุรารากะจัง” อิซูกุมองทึ่ง
“เธอสองคนเหมือนเป็นแฟนกันเลยนะ” สึยุจังเอ่ยขึ้นมา โอชาโกะถึงกับปล่อยกล่องดินสอลงบนพื้น เธอก้มลงไปหยิบก่อนปฏิเสธสึยุจังพัลวัน
“เปล่าซะหน่อย ฟงแฟนอะไรกันล่ะ”
เย็นวันนั้นขณะที่โอชาโกะกำลังประชุมคณะกรรมการอยู่นั้นเอง ประตูห้องที่เปิดแง้มอยู่นั้น มีเงาของใครบางคนยืนอยู่บริเวณหน้าห้อง แค่มองแว่บเดียวก็รู้ในทันทีว่าเป็นใคร โอชาโกะถอนหายใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าหมอนั่นจะอึดขนาดนี้ ปกติโวยวายโหวกเหวก ความอดทนต่ำขนาดที่หากมีอะไรมาขัดใจแม้แต่นิดเดียวก็จะโวยทันที แต่นี่ถึงกับปั้นสีหน้าท่าทาง อดทนได้ตั้งสองวันแบบนี้…
ระหว่างที่คิดอะไรเพลิน ๆ ประชุมก็จบลงโดยที่ท่อนหลังโอชาโกะตามอะไรเขาไม่ทันเลย ได้แต่พยักหน้าเออออห่อหมกไปกับพวกเขาจนกระทั่งทั้งหมดแยกย้ายกันกลับบ้าน โอชาโกะแสร้งจัดเอกสารนั่นนี่เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับคนในชมรมคนอื่น ๆ จนกระทั่งทุกคนเดินออกไปจนหมด เธอจึงสะพายกระเป๋า สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เตรียมพร้อมรับมือกับคัตสึกิอีกครั้ง
ขณะที่กำลังจะเปิดประตูออกไปนั่นเอง เสียงบทสนทนาก็เรียกให้เธอหยุดและเงี่ยหูฟัง
“…มารออุรารากะจังเหรอ”
นั่นคือเสียงของรองประธานสาว รุ่นพี่มิยูกิคนที่ดุเธอเมื่อวานนั่นเอง
สิ้นเสียงรองประธานสาว ตอนแรกนึกว่าเสียงของคัตสึกิจะตอบอะไรกลับมาบ้าง แต่ก็เงียบ
“…เป็นแฟนที่ดีอะไรอย่างนี้ มารอกลับบ้านพร้อมกันทุกวันเลย น่าอิจฉาเนอะ”
ก็ยังไม่มีเสียงอะไรหลุดออกมาจากปากคัตสึกิ
คงอยากจะปฏิเสธเต็มทนสินะ โอชาโกะนึกในใจ
“…แต่ไม่น่าเชื่อเลยนะ ว่าสเปคเธอจะชอบเด็กผู้หญิงอย่างอุรารากะจังน่ะ ฮิฮิ ชอบแบบนั้นเหรอ?”
ตอนแรกโอชาโกะนึกว่าคัตสึกิจะปิดปากเงียบเหมือนเคย แต่ไม่ใช่ คราวนี้เริ่มพูดอะไรบ้างแล้ว
“ใช่… แล้วจะทำไมเรอะ”
!!!!!
โอชาโกะทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น ท่าทางสับสนและแปลกใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด จนกระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะของรุ่นพี่สาวตอบกลับมา
“แหม เท่จังเลยนะ ฮิฮิ แต่จะเท่กว่านี้น้า ถ้าเธอหวีผมให้เรียบร้อยกว่านี้น่ะ มาสิ ในห้องน่าจะมีเจลแต่งผมอยู่นะ ซื้อมาไว้จัดการเด็กแบบเธอโดยเฉพาะเลยล่——-โอ้ย”
!!!!!
“….ไม่ได้เป็นง่อย ไม่ต้องมาจับ”
คัตสึกิพูดเสียงเย็น ก่อนประตูห้องชมรมจะเปิดผางออกอย่างแรง
“ยัยบ้า มัวทำอะไรอยู่ ฉันรออยู่นะ”
โอชาโกะเงยหน้ามองอีกฝ่าย แล้วจู่ ๆ หน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเสียเฉย ๆ เธอผุดลุกขึ้นยืนทันที
“อะ อื้อ ขอโทษนะ ฉันจัดเอกสารอยู่นิดหน่อยน่ะ”
คัตสึกิส่ายหน้าไปมา
“โอเค เสร็จเมื่อไหร่ก็บอกล่ะ”
“ไม่ๆ เสร็จแล้วล่ะ”
“งั้น…กลับกันเลยไหม”
โอชาโกะพยักหน้ารัว ๆ ก่อนจะเดินตามคัตสึกิออกจากห้องไป แอบโล่งอกเบา ๆ ที่บริเวณนั้นไม่มีใครยืนอยู่แล้ว เธอจึงหันมาล็อคประตูห้อง แล้วเก็บกุญแจใส่กระเป๋า
“…กลับคนสุดท้ายทุกวันเลยเรอะ” คัตสึกิถาม
“อื้อ ก็ฉันเป็นเด็กใหม่นี่นา ต้องมาคนแรก แล้วก็กลับคนสุดท้ายไง” โอชาโกะยิ้มตาหยีใส่
คัตสึกิเอื้อมมือมาแปะลงบนหัวโอชาโกะเบา ๆ
“เข้าใจแล้ว ว่าแต่ หิวไหม?”
เพราะมัวแต่ทำอะไรไม่ถูก เลยไม่ทันได้ยินว่าอีกฝ่ายถามอะไร คัตสึกิจึงต้องถามย้ำอีกครั้ง
“หิวหรือยัง?”
“…หะ หิวสิ อยากกินชาเขียวอ่ะ ฮันนี่โทสด้วะ”
ขณะที่จิตใจกำลังสับสน แผนการที่วางไว้มันก็เบียดแทรกความคิดวกวนพวกนั้นขึ้นมา จึงแหกปากร้องว่าหิวและอยากกินนั่นนี่ไปตลอดทาง แต่คัตสึกิไม่ได้มีท่าทีรำคาญหรืออะไร แค่ส่ายหัวเอือมระอาแล้วบอกว่าจะไม่เลี้ยง ให้เธอซื้อเองแค่นั้น
คืนนั้นโอชาโกะนอนไม่หลับอีกคืน สมองมัวแต่กรอเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นซ้ำ ๆ ตั้งแต่ฉากที่คัตสึกิพูดเสียงเย็นชาใส่รุ่นพี่ ไปจนถึงฉากที่อีกฝ่ายแตะหัวเธอเบา ๆ
ตอนนั้น…
ทำไมนะ….
ทำไมต้องทำแบบนั้น ทำไมล่ะ บาคุโกคุง? อยากเอาชนะฉันขนาดนั้นเลยเหรอ
เธอแสดงท่าทีรังเกียจที่รุ่นพี่แตะเนื้อต้องตัวเธอ แต่เธอกลับเป็นฝ่ายแตะฉันเองแบบนี้? ไม่ดีเลยนะ ไม่ดีเลยนะแบบนั้น
โอชาโกะย้ำคิดย้ำทำแบบนั้นไปตลอดทั้งคืนจนผล็อยหลับไป
++++++++++++++++++++++++++++++++
โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์ โอชาโกะไม่ต้องไปโรงเรียน ความนอนดึกเมื่อคืนจึงส่งผลให้เธอตื่นสายอีกวัน แต่เมื่อพบว่ามันคือวันหยุด เธอจึงมุดตัวอยู่ในผ้าห่มผืนหนาและผล็อยหลับไปอีกครั้ง รู้สึกตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าโทรศัพท์มือถือร้องอยู่บนโต๊ะข้างเตียง
“ฮัลโหล” เสียงงัวเงียทักทายไป
“เพิ่งตื่นเรอะ!?”
โอชาโกะตื่นเต็มตาตอนนี้เอง เธอผุดลุกขึ้นนั่งอย่างกับติดสปริง สองตาที่เต็มไปด้วยขี้ตานั้นพยายามมองบนหน้าจอสมาร์ทโฟนที่ไม่มีชื่อสายโทรเข้า เป็นเบอร์แปลกที่ไม่รู้จักมาก่อน แต่เธอกลับจำเสียงนั้นได้
“บะ บาคุโกคุง…”
“ตกใจอะไร?”
“เปล่าน๊า ฉันเปล่าตกใจ แค่แปลกใจน่ะ แหะๆ”
“ฉันไปขอเบอร์เธอมาจากสึยุน่ะ”
“อ๋ออออ”
“รีบแต่งตัวเข้า ไปข้างนอกกัน”
!!!!!!!
และนี่คือเดทแรกของทั้งคู่….
วันนั้นทั้งวันโอชาโกะไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิด เธอเอาแต่ออกคำสั่งนั่นนี่เยอะแยะไปหมด ทั้งอยากไปนั่น อยากไปนี่ อยากกินนั่น อยากกินนี่ โอชาโกะมั่นใจว่าแอบเห็นคัตสึกิคิ้วกระตุกเล็กน้อย แต่ก็กลับมาปรับสีหน้าตามปกติตามเดิมแทบจะทุกครั้ง ใจจริงเธออยากทำตัวน่ารำคาญใส่อีกฝ่ายให้มากกว่านี้ แต่โดยพื้นฐานแล้วเธอเป็นคนค่อนข้างขี้เกรงใจ บางครั้งออกปากอะไรไป เธอก็เปลี่ยนใจปฏิเสธแทบจะในทันทีจนโดนอีกฝ่ายบ่นหาว่าเป็นไบโพลาห์หรือประจำเดือนมาหรือเปล่า
ท่าทางของคัตสึกิไม่มีโมโหอะไรเลย ครั้งหนึ่งโอชาโกะที่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แต่แอบมองท่าทีของอีกฝ่ายด้านหลังนั้นแปลกใจเป็นอย่างมากที่คัตสึกิไม่ค่อยมีท่าทีหัวเสียอย่างที่เคยเป็น
เย็นแล้ว โอชาโกะชวนคัตสึกิมานั่งกินลมชมพระอาทิตย์ตกริมแม่น้ำ วันนี้ทั้งวันทั้งสนุกและมีความสุขมาก แต่ก็อึดอัดมากเช่นกัน และเธอก็ค่อนข้างมั่นใจมากว่าอีกฝ่ายก็คงอึดอัดไม่แพ้เธอ
“…คิดอะไรอยู่?”
โอชาโกะสะดุ้งนิดหน่อย ส่ายหัวไปมาแล้วเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่กำลังมองมาเหมือนกัน และ…เธอก็หลบตาเขาอีกครั้ง
“..คะ คือตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงวันนี้น่ะ ยังไม่ถึงสองอาทิตย์เลยเนอะ”
“วันนั้น?”
“อื้อ วันนั้น…”
อีกฝ่ายเงียบไปอึดใจ
“อ๋อ อืม นั่นสินะ”
โอชาโกะรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นเร็วและแรงเป็นพิเศษเหลือเกิน
“….ฉันขอโทษนะ”
“หือ? ขอโทษ? เรื่องอะไร”
“ก็หลาย ๆ เรื่องน่ะ ฉันนิสัยไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฉันเอาแต่ใจ ทำให้เธอปวดหัวมาตั้งหลายวัน จริง ๆแล้ว เธอไม่ต้องอดทนขนาดนี้ก็ได้นะ”
โอชาโกะรู้สึกว่าตัวเองเสียงแผ่วเบาลงไปเรื่อย ๆ ไม่มีเสียงใด ๆ ตอบกลับจากอีกฝ่ายเลย เธอจึงละสายตาจากบรรยากาศเบื้องหน้าเพื่อหันไปมอง
และ
ก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังมองเธออยู่เหมือนกัน
“…บาคุโกคุง”
“เธอพูดแบบนั้นฉันก็แย่สิ”
“เอ๊ะ?”
“ฉันดูเหมือนคนชั่วร้ายไปเลย เมื่อเทียบกับเธอ”
“เห ไม่น่า….”
คัตสึกิหันกลับไปมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า พลันหันมาถามว่าไม่ถ่ายรูปเก็บไว้เหรอ โอชาโกะลืมตัวรีบหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาถ่ายภาพบรรยากาศตรงหน้า กดชัตเตอร์ไปหลายครั้ง และขณะที่กำลังจะเอ่ยปากขอให้อีกฝ่ายช่วยถ่ายให้เธอหน่อยนั้น ตอนนั้นเองภาพมุมข้างของคัตสึกิก็ปรากฏอยู่บนหน้าจอสมาร์ทโฟนในโหมดถ่ายภาพ ภาพนั้นดูดีจนโอชาโกะเผลอกดบันทึกภาพนั้นเก็บเอาไว้ ก่อนจะเก็บมันใส่กระเป๋าแล้วชวนกันกลับบ้าน
++++++++++++++++++++++++++++++++
“อุรารากะคุงน่าทึ่งจริง ๆ ที่ปราบคนอย่างบาคุโกได้สำเร็จ”
“เพิ่งเคยเห็นคัตจังเรียบร้อยก็ตอนนี้แหละ สุดยอดเลยอุรารากะจัง”
“เธอสองคนเหมือนเป็นแฟนกันเลยนะ”
ทั้งอีดะ อิซูกุ และสึยุทักทายเธอด้วยประโยคเดิมในเช้าวันจันทร์ ตามมาด้วยเสียงทักจากเพื่อนคนอื่นอีกว่าเธอตาคล้ำบ้างล่ะ ดูซีดเซียวบ้างล่ะ และเพราะคำทักทายเหล่านั้นเอง คัตสึกิจึงหันมามอง
“ฉะ ฉันไม่ได้เป็นอะไร๊ แค่นอนน้อยเฉย ๆ ช่วงนี้เอกสารในชมรมเยอะ ฉันเลยหอบกลับไปทำที่บ้านน่ะ ไหนจะการบ้านอีก”
ตอนนี้ที่ชมรมกลับมามอบหมายให้โอชาโกะเดินตรวจตราความเรียบร้อยในโรงเรียนอีกครั้ง หลังจากโดนทำโทษที่มาโรงเรียนสายจนต้องเปลี่ยนงานไปหนึ่งอาทิตย์ แต่ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา คัตสึกิก็ยังคงสม่ำเสมอทุกอย่าง ไม่ว่าจะคอยมารับที่ชมรมและไปส่งเธอขึ้นรถเมล์กลับบ้าน ตอนเช้าบางวันเขาก็จะนั่งรถมารอเธอที่ป้ายรถเมล์แล้วค่อยเดินไปโรงเรียนพร้อมกัน ถึงแม้จะเป็นเวลาเพียงแค่สองอาทิตย์สั้น ๆ แต่สำหรับโอชาโกะแล้ว ช่วงเวลาเหล่านั้นมันมีค่าเหลือเกิน จนบางครั้งเธอก็อยากจะเลิก บอกขอโทษอีกฝ่ายแล้วเดินจากมา แต่บางครั้งเธอก็โหยหาช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันกับเขาเหลือเกิน มันสับสนไปหมดว่าควรจะทำยังไงต่อไป แต่ที่แน่ ๆ เกมนี้เธอแพ้แล้ว…
เธอชอบคัตสึกิเข้าให้แล้ว
เธอแพ้เขาหมดรูปแล้วจริง ๆ
“ฉันควรทำยังไงดี…”
สึยุ โมโมะ และเพื่อนสาวร่วมห้องอีกสองสามคนวันนี้มาเที่ยวที่บ้านโอชาโกะ เด็กสาวใบหน้าซีดเซียวคงเพราะคิดไม่ตกว่าควรจะตัดสินใจยังไงดี โมโมะมองดูรูปถ่ายคัตสึกิที่โอชาโกะแอบถ่ายสลับกับมองโอชาโกะที่นอนฟุบกับโต๊ะอยู่ตรงหน้าเธออย่างนึกสงสาร
“ช่วงเวลาแค่ไม่กี่วัน แต่เขาทำให้เธอชอบได้นี่ นับว่าเก่งมากเลย คนอย่างหมอนั่นน่ะ” เคียวคะจังว่าพลางลูบหัวโอชาโกะไปมา
“ตอนแรกฉันไม่เชื่อคำว่ารักแรกพบเลยนะ ฉันว่าช่วงระยะเวลามันสั้นจนเกินไป เกินกว่าจะใช้คำว่ารักได้ แต่ตอนนี้โอชาโกะจังทำให้ฉันรู้แล้วล่ะ” โมโมะยิ้ม
“ฉันไม่ได้ชอบหมอนั่นตั้งแต่แรกพบซะหน่อย ไม่ใช่สเปคด้วยซ้ำ” โอชาโกะค้านเสียงอ่อย
“เน่ เน่ ตั้งแต่เธอสองคนสนิทกัน ดูเหมือนบาคุโกคุงจะโวยวายน้อยลงกว่าเดิมด้วยนะ เขาปรับปรุงนิสัยตัวเองให้ดีขึ้นเพราะเธอนะ” มินะจังแสดงความคิดเห็นบ้าง
“ไม่หรอก บางทีหมอนั่นอาจจะรำคาณฉันเต็มกลืนแล้วก็ได้ แค่เก่งที่ไม่แสดงออกมาให้ฉันเห็นน่ะ เบื้องหลังคงกลับไปโวยวายชกฝาผนังบ้านจนบ้านพังหมดแล้วมั้ง”
“เธอมองโลกในแง่ร้ายสุด ๆ เอางี้ ให้ฉันโทรถามคามินาริให้เอาไหม?”
คามินาริกับเคียวคะก็กำลังกุ๊กกิ๊กกันอยู่เหมือนกัน แต่โอชาโกะปฏิเสธพัลวัน พร้อมทั้งบอกทุกคนว่าไม่ต้องเป็นห่วง และเธอจะไปขอโทษคัตสึกิในวันพรุ่งนี้
++++++++++++++++++++++++++++++++
แต่แล้ววันต่อมาโอชาโกะก็ไม่ได้ไปโรงเรียน เธอโทรศัพท์ไปหาอีดะเพื่อฝากลาอาจารย์ไอซาวะ โดยไม่ได้บอกเหตุผลอะไร และไม่ได้โทรหาเพื่อนคนไหนเลย แม้แต่กับคัตสึกิ
“วันนี้อุรารากะจังไม่ได้มาแฮะ เหงาเลยละสิ” คามินาริเอ่ยแซวในช่วงพักเที่ยงของวัน
คัตสึกิแยกเขี้ยวใส่เพื่อนก่อนจะคว้าสมาร์ทโฟนขึ้นมา นั่งมองมันอยู่นานแค่ไหนไม่รู้ จนกระทั่งคิริชิม่าใช้ศอกกระทุ้งแล้วบอกให้โทรหาเธอซะ
คัตสึกิส่ายหน้าก่อนจะเก็บมันไว้ในกระเป๋าตามเดิม เพื่อนทุกคนได้แต่พากันมองหน้ากันไปมา โดยที่ไม่มีใครพูดอะไร จนกระทั่งคิริชิม่าต้องพูดออกมาแทน
“…นายชอบอุรารากะเข้าแล้วใช่ไหม”
“……”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับจากคัตสึกิ
“…ถ้าชอบเธอก็โทรหาเธอซะ เธออาจกำลังต้องการความช่วยเหลือจากนายอยู่ก็ได้”
“ใช่ๆ อาจกำลังนอนป่วยอยู่ เธอคงต้องการกำลังใจจากนายนะ บาคุโก” โอจิโร่เสริม
ตอนนั้นเอง จู่ ๆ อีดะก็วิ่งหน้าตั้งตรงเข้ามาด้วยความรวดเร็วสมกับเป็นนักกรีฑาอันดับหนึ่งของโรงเรียนเอยู สีหน้าไม่สู้ดีของอีดะฉายแววชัดเจน ชายหนุ่มพุ่งตรงเข้ามาเขย่าไหล่บาคุโกสองสามครั้ง แต่ไม่ว่าอีดะจะพูดอะไรออกมา บาคุโกก็ผุดลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งออกจากรั้วโรงเรียนทันที
++++++++++++++++++++++++++++++++
ร่างของหญิงสาวตัวเล็กที่อยู่เบื้องหน้ากำลังสั่นน้อย ๆ มือบางยกขึ้นมาเช็ดหน้าเช็ดตา เสียงสะอื้นให้และเสียงสูดน้ำมูกได้ยินชัดเจนเต็มสองรูหู แม้จะยืนหันหลังให้แต่เขาก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน แม้จะห่างกันไกลขนาดไหนแต่ถ้าเป็นผู้หญิงคนนี้ยังไงเขาก็ไม่มีทางปล่อยไปเฉย ๆ
สมองคอยรั้งเขาเอาไว้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ขามันกลับไม่ฟังคำสั่ง มันออกวิ่งไปหาอีกฝ่ายเองทั้งที่สมองไม่ได้สั่งการมันเลยสักนิด มือใหญ่คว้าแขนเล็กของอีกฝ่ายเบา ๆ รั้งให้ร่างนั้นหันกลับมา วินาทีที่เห็นคราบน้ำตาเปื้อนสองแก้ม เขาก็ดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอดทันที
“บะ บาคุโกคุง โมโม่จังเขา เขา……ฮึก..”
คัตสึกิไม่พูดอะไร แค่กอดและลูบหัวเธอเบา ๆ ปล่อยให้น้ำตาจากคนตัวเล็กกว่าเปื้อนเสื้อนักเรียน ปล่อยให้เธอร้องไห้จนกว่าเธอจะพอใจ เขาตระหนักได้ในตอนนั้นเองว่าแท้ที่จริงแล้วเขารู้สึกอย่างไรในตอนนี้
และเขาตั้งใจไว้ว่า จะบอกกับเธอในสักวันหนึ่ง
“….ดีขึ้นไหม”
คัตสึกิถามพลางยื่นผ้าเย็นให้อีกฝ่ายเช็ดหน้าเช็ดตา โอชาโกะรับมันมาแล้วหันไปเช็ดคราบหน้าตาออกเบา ๆ เมื่อความเศร้าเริ่มเจือจาง ความเขินอายก็เริ่มเข้ามาแทนที่
“…ฉันร้องไห้หนักแค่ไหนกันนะ”
“ก็ไม่หนักขนาดนั้น แต่เธอ…โอเคแล้วนะ?”
“อื้อ ตอนนี้โมโม่จังเขาไปสบายแล้วล่ะ ขอบใจเธอมากนะที่อุตส่ามา”
คัตสึกิมองเห็นพ่อและแม่ของโอชาโกะกำลังมุ่งตรงมาทางนี้ เขาจึงลุกขึ้นยืนโค้งให้ทั้งสองจากที่ไกล ๆ แล้วหันกลับมามองคนตัวเล็กกว่าอีกครั้ง
“พรุ่งนี้ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย ไปโรงเรียนด้วยนะ”
พูดจบก็ขอตัวกลับออกไป โดยทิ้งให้โอชาโกะมองตามด้วยความงุนงง
++++++++++++++++++++++++++++++++
เช้าวันต่อมา คัตสึกิมารอโอชาโกะอยู่ที่ป้ายรถเมล์สายที่โอชาโกะนั่ง ทั้งคู่เดินเข้าโรงเรียนพร้อมกันเกือบทุกวันจนเป็นกิจวัตรไปแล้ว แรก ๆ ก็โดนมองและโดนนินทาระยะเผาขนอยู่หรอก แต่เมื่อคัตสึกิหันไปทำตาถลึงใส่ก็กลัวหัวหด ไม่กล้ามองหรือนินทาอีกเลย
“เป็นยังไงบ้างล่ะ”
“อื้อ ทางโรงพยาบาลจัดการให้เรียบร้อยแล้วล่ะ โมโม่ไปสบายแล้ว”
เสียงตอนท้ายของโอชาโกะแกว่งไปนิดหน่อย คัตสึกิเอื้อมมือขึ้นมาลูบหัวอีกฝ่ายเบา ๆ เป็นเชิงปลอบใจจนโอชาโกะเผลอสะดุ้งสุดตัว
“ตกใจอะไรขนาดนั้น?”
“ปะ เปล่า”
“ยัยเพี้ยนเอ๊ย”
โอชาโกะก้มหน้าเขิน
หรือนี่อาจเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เธอไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องอดทนไปกับเธอมากไปกว่านี้อีกแล้ว เธอควรจบที่นี่ ตอนนี้
“….ขอโทษนะ”
“เรื่องอะไร?”
“….ไม่รู้สิ ทุกอย่างนั่นล่ะ เธอคงจะ….อดทนกับฉันมานาน เพราะฉะนั้น…ช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมา พอเถอะนะ เธออย่าฝืนใจตัวเองมากไปกว่านี้เลย…”
“…….”
โอชาโกะรู้สึกว่าขอบตาตัวเองเริ่มร้อนผ่าวอีกแล้ว แต่ถ้าไม่พูดตอนนี้ ก็ไม่รู้จะพูดตอนไหนอีก
“….จำเรื่องเมื่อสองอาทิตย์ก่อนได้ไหม วันนั้นน่ะ…..ฉันน่ะนะ แพ้แล้ว ฉันยอมแพ้ ฉันแพ้เธอแล้วบาคุโกคุง ดีใจด้วยนะ”
“……”
“ดีใจด้วย ที่เธอทำสำเร็จ เธอทำให้ผู้หญิงคนนึงชอบเธอเข้าจนได้…..”
“……”
“ที่ผ่านมา แม้จะเป็นเพียงแค่ระยะเวลาสั้น ๆ แต่ฉันก็รู้สึกสนุก และมีความสุขมาก แต่ฉันมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น เธอคงลำบากกับฉันมานาน ไม่ต้องอดทนอีกแล้ว เป็นตัวของตัวเองได้แล้วนะ”
“……”
สุดท้ายโอชาโกะก็มองหน้าคัตสึกิไม่ชัด หยาดน้ำใสคลอหน่วยจนต้องแอบหันไปปาดมันออก อีกฝ่ายคงกำลังแปลกใจอยู่ ถ้าหากทำตัวอ่อนแออะไรนิดหน่อยก็ร้องไห้แบบนี้ อีกไม่กี่วินาที ระเบิดลงแน่นอน
“…เธอบอกให้ฉันเป็นตัวของตัวเองใช่มั้ย”
“เอ๋?”
“ใช่ หลายวันที่ผ่านมาน่ะ ฉันลำบากมาก ฉันเกือบจะเป็นบ้าวันละหลายร้อยรอบเลย เธอรู้หรือเปล่า ห๊า ยัยบ้า!!!!!”
“!!!!!!”
“…..เธอมันยัยบื้อ ยัยซื่อบื้อเอ๊ย ยัยติงต๊อง ยัยปัญญาอ่อน ชอบทำตัวน่ารำคาญ คิดว่าตัวเองน่ารักอย่างนั้นเหรอ!!!! ยัยบ้าเอ๊ย”
พูดจบอีกฝ่ายก็คว้าแก้มทั้งสองข้างของเธอไปบิด หน้าตาเริ่มกลับมาเป็นบาคุโก คัตสึกิคนเดิมแล้ว แต่น่าแปลกที่อีกฝ่ายไม่ได้ออกแรงให้เธอต้องเจ็บเลย แต่คิ้วที่กำลังกระตุกอยู่นั้นก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าอีกฝ่ายคงโมโหเธอจริง ๆ
“ฉะ…ฉันขอโทษนะ บาคุโกคุงง”
“เลิกขอโทษพร่ำเพรื่อได้แล้วโว้ย!!!!!!!”
สุดท้ายโอชาโกะก็โดนคัตสึกิที่หน้าตาเริ่มกลับมาเป็นคัตสึกิคนเดิมอีกครั้ง กึ่งจูงกึ่งลากกระเป๋าเป้ของเธอให้รีบเดินออกจากที่ตรงนั้นเพราะคนที่เดินผ่านไปมาเริ่มเมียงมองแล้ว บางคนตั้งท่าจะเข้ามาชกหน้าเขาแล้วด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าเขาเป็นคนไม่ดีรังแกเด็กผู้หญิงตัวกะเปี๊ยก
++++++++++++++++++++++++++++++++
“บาคุโกคุง ทรงผมไม่เรียบร้อย ชอบใส่กางเกงหลุดตูด และสวมรองเท้าเหยียบส้น”
“ห๊า!?”
“หักคะแนนความไม่เรียบร้อยสิบคะแนน ช่วงหลังมานี้เธอแย่ยิ่งกว่าเดิมอีกนะ ไม่ไหวจริงๆ” โอชาโกะจดบันทึกพลางส่ายหัวไปมาด้วยความเอือมระอา
“ไม่ต้องมาทำสีหน้าแบบนั้นเลยโว้ย!!!!!!!!!!”
ปึง!
“อุ้ย ตาเถร ทำลายข้าวของของโรงเรียนอีกแล้ว หักเพิ่มอีกห้าคะแนน”
“ยัยเตี้ยนี่ อยากลองดีกับฉันใช่มะ ห๊ะ!!!!!!!!!”
“ใจเย็นก่อน บาคุโก อีกฝ่ายเป็นผู้หญิงนะเว้ย” คิริชิม่ากับคามินาริรีบเข้ามาห้ามบาคุโกจอมเลือดร้อน โทโดโรกิส่ายหน้าไปมาก่อนจะหันกลับไปสนใจหนังสือเรียนต่อตามเดิม
“…ฉันละสงสัยจริง ๆ ว่าทำไมฉันถึงชอบคนอย่างเธอเข้าไปได้นะ ตัวฉันเมื่อเดือนที่แล้วเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ” โอชาโกะยักไหล่กับตัวเอง
“…หนอย ฝากไว้ก่อนเถอะ!!!!!!”
โอชาโกะแลบลิ้นปลิ้นตาใส่คัตสึกิก่อนจะหันกลับไปตรวจตราความเรียบร้อยของคนอื่น ๆ ต่อ แต่หลังเลิกชมรมเย็นวันเดียวกันนั้นเอง คัตสึกิ บาคุโก ตัวแทบหักเพราะคุณเธอพุ่งกระโดดเข้ากอดเขาเต็มรักจนแทบจุก
“เย้!!! วันนี้ไปกินแมคกันนะ!!!”
“ไม่ไปโว้ยยยยยยยยยยย”
“หนอยย เธอเป็นคนบอกเองนะว่าจะเลี้ยงฉันน่ะ!!”
“หา? อย่าฝันกลางวันน่าแม่คุณ ตื่น ๆ ฉันไปสัญญาอะไรตอนไหน”
“สัญญาสิ เธอสัญญาแล้ว เมื่อวันก่อนไง”
“ไม่รู้โว้ย!!!!!!!!!!!!!!”
“บาคุโกคูง!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
fin
แถมต่อนิดหน่อย—
“เออ คราวก่อนนายบอกว่าถ้าอุรารากะแพ้ นายจะสั่งให้ยัยนั่นทำอะไรก็ได้ สรุปนายสั่งอะไรเธอไปวะ?” คิริชิม่าขมวดคิ้วถาม
“หา ฉันไปสัญญาอะไรแบบนั้นตอนไหนวะ”
“ก็นี่ไง….”
“ภายในหนึ่งเดือนนี้ ถ้ามีใครก็ตามมาชอบฉันแม้แต่คนเดียวล่ะก็ เธอจะยอมทำตามที่ฉันต้องการทุกอย่างเลยใช่ไหม”
“…อย่าทำเป็นจำไม่ได้ซี่” คามินาริโดนเบิ้ดกะโหลกไปหนึ่งทีถึงกับต้องลงไปนอนกุมหัวที่พื้น
“…สรุปแล้วนายสั่งอะไรเธอไปวะ?”
“ไม่ต้องมาเซ้าซี้ถามเลยโว้ย ไม่ใช่เรื่องของพวกแก!!!!!!!!!!!”
“โธ่ ไอบ้านี่ ไม่ต้องทำมาเป็นเขินเลยนะ บอกมาเดี๋ยวนี้”
“ไม่บอกโว้ย!!!!!!!!!!!!!”
“…..หมอนั่นสั่งให้อุรารากะกลับมาคบกับตัวเองเหมือนเดิมไง”
“เห!?????????” ทุกคนหันไปมองโทโดโรกิเป็นตาเดียว
“จริงดิ”
“จริงเหรอวะ?”
“สุดยอดดดด ไอหมอนี่ร้ายกาจว่ะ ไม่ธรรมดาจริงๆ”
“ไอครึ่ง วันนี้เอ็งตาย!!!!!!!!!!!!!”
จบจ้า
สวัสดีค่ะทุกคน ฟิกเรื่องนี้เขียนขึ้นมาเพราะความหัวแล่นชั่ววูบของเรามากๆ
เริ่มจากการนั่งทำงานไปเรื่อยๆ สมองดันนึกไปถึงพลอตนิยายน้ำเน่า ๆ
แล้วก้มานั่งจินตนาการว่าถ้าพล็อตแนวนี้มันเกิดกับ #kacchako ของเรา จะเป็นยังไง
ก็เลยเริ่มนั่งเขียนตั้งแต่ 4 โมงเย็น กลับบ้านมานั่งกินข้าว ซักผ้า แล้วมานั่งเขียนต่อจนจบ
ตื่นเช้ามาก่อนทำงาน ก็นั่งอ่านทวน แก้คำผิด แก้ประโยคนั่นนี่อีกที เสร็จจนได้
ตกใจมาก เพราะไม่ได้ฟิตเขียนฟิกแบบเสร็จอย่างรวดเร็วแบบนี้มานานแล้ว 55555
บอกก่อนเลยว่าที่จริงเราเป็นสาววายนะคะ ปกติเวลาดูเมะ อ่านมังงะเรื่องไหนก็ตาม
มักจะชิปคู่วายชายxชายซะเป็นส่วนใหญ่เลย แต่กับเรื่องนี้แปลกเหมือนกันที่มาชิปนอร์มอลกับเขา 555
หวังว่าเรื่องหลักจะมีโมเม้นของบาคุโกกับอุรารากะจังมาอีกให้พอกระชุ่มกระชวยนะคะ
ถึงแม้ความจริงแล้วจะไม่ได้คู่กันก็ตาม เส้าเล็กๆ แต่แฟนอาร์ดสวยๆเยอะมาก
ไปหามาเสพกันเถอะ ไม่มีมมก็นั่งเสพแฟนอาร์ตเอานี่ล่ะ 555555555
ทอล์กซะเยอะ แต่เอาเป็นว่าจะพยายามเข็นคู่นี้ออกมาอีกนะคะ
ยังไม่ได้ดู ss3 เลยอ่ะ ไม่ได้ดูสองภาคก่อนหน้านี้มานานแล้วด้วย
บางอย่างมันแปลกๆ เช่นคำเรียก บลาๆ ถ้าไม่ตรงกับเรื่องหลักก็ขออภัยนะคะ
แล้วพบกันใหม่ค่ะ